July 25, 2019 13:57
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
แนะนำพบเเพทย์ตรวจปัสสาวะครับ
....
ฟังจากอาการ น่าจะเป็น กระเพาะปัสสาวะ หรือ ท่อปัสสาวะอักเสบ
อาการคือ
- ขณะถ่ายปัสสาวะ มีอาการแสบบริเวณปลายท่อปัสสาวะ หรือบริเวณปากช่องคลอด
- ถ้ามีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย ก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวัน กลางคืน ปัสสาวะแสบ ปัสสาวะขัด กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะแล้วรู้สึกว่าไม่สุดต้องไปปัสสาวะอีกแม้เพิ่งปัสสาวะเสร็จ
- บางคนอาจจะมีอาการปวด หรือแสบบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยทั้งตอนปวดและไม่ปวดปัสสาวะครับ
ปัจจัยเสี่ยง เช่น
1.มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง และหลายครั้งในเวลาอันสั้น
2.ดื่มน้ำน้อย
3.กลั้นปัสสาวะนาน ๆบ่อยๆ
4.ผู้ที่เคยรับการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยการฉายแสงบริเวณกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะเพศมาก่อนครับ
......
การรักษา คือการรับประทานยาฆ่าเชื้อครับ เช่น Ciprofloxacin
ร่วมกับ การป้องกันคือ
- ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
- ดูแลความสะอาดบริเวณปลายท่อปัสสาวะและอวัยวะเพศ
- มีกิจกรรมทางเพศอย่างเหมาะสม โดยหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ควรไปปัสสาวะและทำความสะอาดบริเวณท่อปัสสาวะ รวมถึงอวัยวะเพศครับ
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานเกินไปครับ
ส่วนเรื่องคันช่องคลอด
เเนะนำให้หาเวลาไปตรวจภายในดูลักษณะของรอยโรคนะครับ ที่แผนกสูตินรีเวช
อาการคันช่องคลอด สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ
เช่น ถ้ามีเยื่อบุบริเวณนั้นบวมแดง มีตุ่ม ก็เป็นสาเหตุของอาการคันได้ เช่น ตุ่มจากผื่นเเพ้ หรือติดเชื้อ เช่น ตัวโลน เป็นต้น
ถ้าเป็นผื่นเเดงขุยๆชอบใส่กางเกงอับชื้น น่าจะเป็นเชื้อราได้ครับ
หรือถ้ามีตกขาวปริมาณที่มากขึ้นร่วมด้วย อาจเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด ร่วมกับการติดเชื้อที่อวัยวะเพศด้านนอกด้วย ทั้งนี้เกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด สามารถเกิดได้จากทั้ง เชื้อรา แบคทีเรีย
เช่น
การติดเชื้อราในช่องคลอด
จะมีตกขาว ขาวข้นเป็นก้อนคล้ายๆนม ติดอยู่กับผนังช่องคลอดได้ ร่วมกับช่องคลอดเเดง คันช่องคลอด มีปวดเเสบได้
หรือโรคติดเชื้อในช่องคลอดชนิดหนึ่ง คือ Bacterial vaginosisครับ (เเบคทีเรียในช่องคลอดไม่สมดุล เชื้อชื่อ Gardernella vaginallis จึงเเบ่งตัวมากขึ้น)
อาการที่พบบ่อยที่สุด คือ ตกขาวมีกลิ่นอับ (musty) หรือคาวปลา (fishy) มักมีกลิ่นรุนแรงภายหลังการร่วมเพศ ซึ่งเกิดจากการทําปฏิกิริยากับ อสุจิ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง แล้ว
ปลดปล่อยกลิ่น ออกมา
ส่วนถ้าตกขาวขุ่นเขียวเหลืองๆ จะมีเลือดปนด้วยหรือไม่มี อาจเป็นการติดเชื้อเเบคทีเรียเช่นหนองใน หรือโปรโตซัวพวก Trichomonas
..........
ถ้าสงสัยผื่นเชื้อรา ลองทาพวกยาฆ่าเชื้อรา เช่น Clotrimazoleครีม Zalainครีม เป็นต้นครับ
การรักษาถ้าสงสัยเรื่องตกขาวติดเชื้อ คันช่องคลอดคือการรับประทานหรือสอดยาฆ่าเชื้อครับขึ้นกับว่าติดเชื้ออะไร เช่น ถ้าเเบคทีเรีย ส่วนใหญ่ให้ Metronidazole หรือ ถ้าเป็นเชื้อรา ก็เหน็บยาพวก Clotrimazole ครับ อาจปรึกษาเภสัชกรซื้อยามาก่อนได้ครับ
เเต่ถ้ามีไข้ มีปวดท้องน้อยร่วมด้วยเเสดงว่ามีการติดเชื้อถึงมดลูกเเล้วควรไปพบเเพทย์ทันทีครับ เพราะอาจต้องได้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครับ
..........
ให้งดการสวนล้างช่องคลอด งดใส่กางเกงคับเเน่น อับชื้นครับ
หรือถ้าผื่นเเพ้ผิวหนัง เบื้องต้นทานยาลดอาการคัน เช่น CPM Atarax (กินเเล้วง่วงได้) หรือ Cetirizine Loratadine เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ จากประวัติอาจคิดถึงการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infection) ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis) ท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis) หรือแม้กระทั่งกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) ซึ่งการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะจะมีอาการดังนี้ เช่น ปัสสาวะกะปริบกะปรอย แสบปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขุ่น มีกลิ่นเหม็น ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นหนอง ปวดท้องน้อย ปวดเอว หนาวสั่น มีไข้ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น กลั้นปัสสาวะนาน ดื่มน้ำน้อยทำให้ปัสสาวะออกน้อย ท่อปัสสาวะสั้น เป็นนิ่วบริเวณกรวยไต มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การติดเชื้อจากรูทวาร ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้สูงอายุ เป็นต้น
สำหรับการป้องกันที่ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ ไม่กลั้นปัสสาวะนาน ดื่มนานให้เพียงพอ ใช้ถุงยางป้องกันเมื่อมีคู่นอนหลายคู่ ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์เสร็จ หลังขับถ่ายให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เป็นต้นค่ะ
เบื้องต้นให้ดื่มน้ำมากๆซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยขับเชื้อโรคออกและลดอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะได้ และไปพบแพทย์เพื่อตรวจยืนยันการวินิจฉัยและจะได้ทำการรักษาค่ะ อาจจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะมาทานค่ะ
สำหรับอาการคันช่องคลอดมีได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น
-ผื่นคันจากการแพ้สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เช่นแพ้สบู่ที่ใช้ล้างซึ่งอาจมีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารเคมีที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง สังเกตว่าช่วงนี้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ๆหรือเปล่า จากการระคายเคืองของกางเกงในหรือกางเกงที่สวมใส่ อาจเกิดจากการใส่กางเกงเก่าหรืออับชื้น
-จากการติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือจากเชื้อรา สำหรับเชื้อราในช่องคลอดจะมีตกขาวสีขาวข้นคล้ายนมบูด มีอาการคันมาก มีกลิ่น ช่องคลอดอาจมีปื้นแดงหรือผื่นแดง เป็นขุย หรือฝ้าขาว มักพบในคนที่มีโรคประจำตัวที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ มีประวัติสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆ มีประวัติทานยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน
-อาการคันจากหูดซึ่งจะพบรอยโรคเป็นติ่งเนื้อคล้ายดอกกะหล่ำ มีประวัติมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันมาก่อน
-สาเหตุจากอื่นๆ เช่น จากเหาหรือโลน จากความเครียด จากโรคมะเร็ง เป็นต้นค่ะ
ยังไงแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและจะได้ทำการรักษานะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการแสบอวัยวะเพศเมื่อปัสสาวะ อาการเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
1.การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน แผลริมอ่อน เป็นต้น โดยอาการจะมี แสบเมื่อปัสาาวะ อาจมีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ หรือมีแผลรอบๆอวันวะเพศได้
**2.การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ เช่นทกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นต้น อาจเกิดจาก เชื้อ แบคทีเรีย หรือ ไวรัส ก็ได้ ความเสี่ยงคือ คนไข้ผู้หญิง ผู้ที่ชอบอั้นปัสสาวะบ่อยๆ อาการนอกจากแสบเวลาปัสสาวะแบ้ว อาจมีปัสสาวะกระปริบกระปรอย กลั้นไม่ได้ได้ด้วยครับ
กรณีสองนี้ พบบ่อยที่สุดครับ
ข้อแนะนำเบื้องต้น คือ ควรได้รับการตรวจร่างกาย เพิ่มเติม อาจจะต้องตรวจปัสสาวะ และได้รับยาฆ่าเชื้อ ช่วงนี้แนะนำว่าให้ดื่มน้ำมากๆ และงดกลั้นปัสสาวะนะครับ
โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ถ้าเป็นไม่มาก ก็อาจจะเป็นเพียงกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่หากคนไข้ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ชอบกลั้นปัสสาวะ เป็นต้น และไม่รักษา อาจทำให้ลุกลามไปถึง กรวยไตและไตได้ครับ
3.อุบัติเหตุการกระทบกระทกต่อท่อปัสสาวะ เช่น การทีเพศสัมพันธฺที่รุนแรง เป็นต้น
แนะนำว่า หากปวดมาก หรือมีอาการผิดปกติ เข่น ปัสสาวะขัด มีไข้ มีหนอง ให้ไปพบแพทย์ครับ
การรักษา ควรรักษา ตามสาเหตุ เช่น การให้ยาฆ่าเชื้อ ในกลุ่ม โรค ติดเชื้อ ทางเดินปัสสาวะ และ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ งดการกลั้นปัสสาวะ ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
หรือ การตรวจดูบาดแผลจากการกระทบกระแทกทางเดินปัสสาวะ เพื่อให้ยาหรือ เย็บแซม ซึ่งต้องตรวจร่างกายอีกครั้งครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เจ็บเวลาใกล้จะฉี่เสร็จเเละฉี่เสร็จพอดี เจ็บเเสบ เป็นมา5-6วันเเล้ว เเถมมีอาการคันอีกด้วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)