May 22, 2018 13:36
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
ปัญหาแรกของคนไข้ คือ ท้องเสียบ่อยค่ะ ซึ่งสาเหตุ ก็อาจเป็นได้ว่าทคนไข้ชอบทานอาหารค้างคืน ซึ่งอาหารค้างคืน อาจมีการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีการ ติดเชื้อ ในลำไส้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ท้องเสีย ลำไส้ที่คิดเชื้อบ่อยๆ ท้องเสียบ่อยๆ ทำให้โอกาสการดูดซึมสารอาหารต่างๆน้อยลง ขาดน้ำ ทำให้เกิดผลต่างๆมากมาย ได้แก่ การขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย (เนื่องจากกินแล้วก็ท้องเสีย) ทำให้น้ำหนักลด ความต้านทานเชื้อโรคในร่างกายลดลง ก็จะติดเชื้อบ่อย วงเวียนเป็นวงจร และการท้แงเสีย ทำให้เกิดการขาดน้ำ อาจทำให้อ่อนเพลีย ใจสั่นได้ หากทานน้ำตามไม่ทันและไม่พอ ดังนั้น ปัญหาแรก แนะนำให้คนไข้ **หยุดทานอาหารค้างคืน และหันมานับประทานที่ปรุงสดใหม่ ถุกหลักอนามัย และครบส่วนดีกว่าค่ะ
ปัญหาที่สอง นอนไม่หลับ
หมอขอแนะนำให้สำรวจว่ามีพฤติกรรมที่ทำให้นอนไม่หลับหรือไม่และอยากให้ลองปฏิบัติตามสุขอยามัยการนอนที่ดี
1 หลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้
การสูบบุหรี่ , เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน , การออกกำลังกายหนักๆในช่วงก่อนนอน,การใช้ยานอนหลับนานต่อเนื่องมากกว่า 1 เดือนยกเว้นตามคำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด และการทำงานที่มีความเครียดในช่วงก่อนนอนค่ะ
2 เพิ่มปัจจัยเสริมเพื่อการนอนหลับที่ดี ได้แก่
ปรับสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอน เช่น ห้องนอนควรมืด เงียบสงบ อาการไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป , ปรับที่นอนให้เหมาะสมกับสรีระ เลือกเครื่องนอนให้เหมาะสมกับสรีระของคุณค่ะ , อยู่บนที่นอนเมื่อรู้สึกง่วงจริงๆเท่านั้นค่ะ และที่นอน มีไว้สำหรับนอนหรือการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น กิน ทำงาน อ่านหนังสือ เป็นต้นค่ะ , ถ้านอนควรนอนต่อเนื่องอย่างน้อย 6-8 ชมค่ะ แต่หากตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วนอนไม่หลับ ไม่ควรกดดันตนเองในการนอนค่ะ เช่น ดูนาฬิกาบ่อยๆ ถ้าไม่สามารถหลับได้จริงๆ อาจลุกขึ้นมาทำกิจกรรมอย่างสงบ เช่น อ่านหนังสือ ทำใจสบายๆ ฟังวิทยุเบาๆค่ะ , ควรหลับตื่นในช่วงเดียวๆกันของวัน, ในระหว่างวัน พยายามไม่งีบหลับค่ะ ถ้าง่วงมากจริงๆไม่ควรเกิน 1 ชมและไม่ใช่ข่วงหัวค่ำค่ะ, อาหารและนมบางชนิด มีสารช่วยให้หลับสบายขึ้น ลองทานเป็นมื้อเบาๆก่อนนอนนะคะ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใสช่วยให้หลับสบายค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากยังมีปัญหานอนไม่หลับอีก อาจจะต้องไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนค่ะ (sleep medicine ) หรือจิตแพทย์ ก็ได้ค่ะ เพราะอาจจะต้องตรวจเพิ่ทเติมร่วมด้วย ว่ามีปัจจัยอะไรร่วมอีกไหม เช่น นอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ ความเครียด เป็นต้นค่ะ
ปัญหาสุดท้าย เรื่อง อยากอ้วน นอกจากเลิกทานอาหารค้างคืน อันเป็นต้นเหตุของท้องเสียแล้ว ยังต้องดูเรื่องโรคร่วมอย่างอื่นที่อาจเป็นสาเหตุของความผอมด้วยค่ะ
โรคที่เป็นสาเหตุของความผอมที่อยากแนะนำให้คนไข้สังเกตและตรวจเพิ่มเติม ได้แก่
1. โรคไทรอยด์ สูงค่ะ คนไข้อาจมีอาการมือสั่น ใจสั่น เหงื่ออกมาก ความดันโลหิต สูง บางคน ถ่ายเหลวบ่อย ตาโปน บางคนอาจมีคอโตได้ค่ะ คนไข้จะกินจุ แต่น้ำหนักตัวน้อยค่ะ
2.โรคติดเชื้อ ต่างๆ เช่น
การติดเชื้อ HIV คนไข้ที่มีความเสี่ยงกับโรคนั้นๆ เช่น ผู้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
โรคตับ โรคไต เรื้อรัง
วัณโรค ต่างๆ ได้แก่ วัณโรคปอด วัณโรคที่ต่อมน้ำเหลือง วัณโรคที่กระดูก ทำให้คนไข้ผอมลง บางคนทีอาการไอเรื้อรัง ปวดตามตัว ไข้ต่ำๆเกือบทุกวัน หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยวัณโรคมาก่อนค่ะ
พยาธิต่างๆ ทำให้มีอาการ ถ่ายเหลว เรื้อรัง
3.โรคเบาหวาน ระยะแรกๆ ผู้ป่วยอาจมีอาการ หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย กินจุ น้ำหนักลดค่ะ ถ้าเป็นแบบนี้ควรไปตรวจน้ำตาลในเลือดค่ะ
4. โรคความผิดปกติของการดูดซึมสารอาหารในลำไส้ เช่น เคยผ่าตัดมาก่อน ทำให้ลำไส้สั้นลง มีอาการถ่ายเหลวเรื้อรัง เป็นต้น
5. โรคมะเร็งต่างๆ น้ำหนักลดอาจเป็นอาการไม่เฉพาะเจาะจง แต่ถ้ามีอาการอื่นมาก่อน ร่วมกับมีน้ำหนักลดอย่างรวดเร็วเป็นหลักเดือน ก็จะทำให้นึกถึง โรคมะเร็ง ได้ค่ะ
6.โรคทางจิตใจ เช่น anorexia , โรคซึมเศร้า
7.ยาและอาหารเสริมต่างๆที่อ้างสรรพคุณลดความอ้วน ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักหลายชนิด ไม่ได้มีการทำวิจัยหรือมีผลการวิจัยยืนยันแน่นอนว่าปลอดภัย รวมถึงยาที่รับประทานต่างๆ อาจผสมสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยหวังเอาผลข้างเคียงของยานั้นมาใช้ในการลดน้ำหนัก ตัวอย่างเช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาถ่าย ยาติตเวชต่างๆ รวมไปถึงยาแอมเฟตามีน ซึ่งยาเหล่านี้ สามารถลดน้ำหนักได้จริง แต่จะมาพร้อมผลข้างเคียงอื่นๆอีกมากมาย บางทีร้ายแรงถึงชีวิต เช่น ใจสั่น เกลือแร่ผิดปกติอย่างมาก กระดูกพรุน หัวใจวาย ติดยา อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ มีความผิดปกติของสารสื่อประสาท สุญเสียการทำงานของสมดุลร่างกายอย่างมากคะ
8.การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสัดส่วน/ไม่เพียงพอ หลังจากที่ได้ตรวจร่างกาย ซักประวัติ ตรวจเลือด เพื่อยกเว้นสาเหตุทางกายที่เป็นไปได้ทั้งหมดของความผอมที่ผิดปกตินั้น จึงจะเข้าสู่การปรับการกินอาหารให้เหมาะสมค่ะ ได้แก่ การทานอาหารให้ตรวเวลา ครบสามมื้อ อาหารอาจเน้นที่พลังงานสูง ไม่ทานของที่ไม่มีประโยชน์ เช่น ขนมซอง น้ำอัดลม เป็นต้น อาจแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ ทานอาหารที่มีคุณค่า เช่น ขนมไทย ซาลาเปา นม เป็นต้นค่ะ
ดังนั้น หมอแนะนำให้คนไข้สังเกตตนเองว่ามีอาการที่าจเป็นโรคที่นำมาซึ่งความผอมผิดปกติหรือไม่นะคะ ถ้ามีคนไข้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและหารสาเหตุ จะได้รักษาให้ตรงจุดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ผอมไม่อ้วน กินเยอะ แต่ท้องเสียบ่อย หากเป็นพวกต้มยำๆ ทั้งหลาย หรืออาหารข้ามคืน อ่อนเพลีย ใจวูปๆ นอนน้อย อาการหลักๆ ท้องเสียบ่อย เพลีย ครับ (อยากอ้วน)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)