December 10, 2018 01:24
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
สาเหตุของการนอนไม่หลับนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- การมีพฤติกรรมการนอนที่ไม่ถูกต้อง
- โรคเกี่ยวกับการนอนบางอย่าง เช่น การมีทางเดินหายใจอุดกลั้นระหว่างนอนหลับ ภาวะขาอยู่ไม่นิ่ง (Restless leg syndrome)
- โรคซึมเศร้า
- การมีความเครียด ความกังวลที่มากเกินไป
- ผลข้างเคียงจากยาบางอย่าง
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาอาการนอนไม่หลับนั้นไม่ใช่การใช้ยานอนหลับ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนให้ถูกต้องร่วมกับการหาสาเหตุของอาการนอนไม่หลับครับ
ในเบื้องต้นนั้นหมอขอแนะนำพฤติกรรมการนอนที่ถูกต้องให้ลองนำไปปรับใช้ดูก่อนครับ
1. ควรจัดห้องนอนให้มีบรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีแสงเสียงรบกวน และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. ใช้ห้องนอนเพื่อการนอนเท่านั้น ไม่ใช้ห้องนอนทำกิจกรรมอื่น เช่น ดูทีวี ทำงาน อ่านหนังสือ
3. ก่อนนอน 1 ชั่วโมงควรมีเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อนสบายๆ พยายามไม่คิดเรื่องเครียด เรื่องกังวลต่างๆ
4. เข้านอนเมื่อง่วงนอนเท่านั้น
5. ถ้าหากเข้านอนไปนาน 15-20 นาทีแล้วยังนอนไม่หลับก็ควรลุกขึ้นมาจากที่นอนเพื่อหากิจกรรมเบาๆทำก่อน แล้วกลับเข้าไปนอนเมื่อรู้สึกง่วงนอนอีกครั้ง
6. ตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันของทุกวัน
7. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมก่อนนอนเพราะจะทำให้นอนไม่หลับมากขึ้น
8. ไม่นอนกลางวัน
9. ไม่ดื่มชา กาแฟ หลังเที่ยงวัน
10. ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราก่อนนอน
ถ้าหากปฏิบัติตามนี้ 1-2 สัปดาห์แล้วการนอนหลับยังไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ในส่วนของอาการนอนไม่หลับตรงนี้ การทานยานอนหลับติดต่อกันเป็นเวลานานมักจะส่งผลเสียต่อพฤติกรรมการนอนหลับในระยะยาวนะครับ ดังนั้นขอแนะนำให้ลองจัดสภาพแวดล้อมกับในห้องนอนควบคู่ไปด้วย โดยพยายามไม่ให้มีแสงสว่างเข้า ไม่มีเสียงรบกวน และนอนในที่นอนที่เรารู้สึกสบายและผ่อนคลายครับ ลองพยายามกำหนดเวลานอนที่คุณจะนอนและพยายามปิดไฟนอนในช่วงเวลานั้นของทุกวันเพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชินครับ
นอกจากนั้นแล้วควรงด ชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมที่มีส่วนผสมของคาเฟอีกก่อนช่วงเวลานอนครับ การอาบน้ำอุ่น ทานนมอุ่นๆหรือกล้วย การออกกำลังกายในช่วงเย็น ก็จะสามารถช่วยให้ร่างกายมีอาการง่วงมากขึ้นได้ครับ แต่พยายามอย่าออกกำลังกายหักโหมก่อนเวลานอนนะครับเพราะการออกกำลังกายหนักๆจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายทำงานและอาจจะทำให้หลับได้ยากขึ้น ด้านล่างนี้ผมได้แนบบทความเกี่ยวกับการนอนไม่หลับไว้นะครับหากต้องการข้อมูลก็สามารถเข้าไปศึกษาได้ครับ
https://www.honestdocs.co/insomnia-psychiatric-disorders-sleep-deprivation
สุดท้ายนี้หากทานยาแล้วและพยายามปรับพฤติกรรมการนอนของตนเองแล้วแต่อาการนอนไม่หลับยังรบกวนมาก การพบแพทย์เพื่อปรึกษาในเรื่องของปัญหาการนอนหลับที่เกิดขึ้นและการใช้ยานอนหลับที่เหมาะสมต่อไปครับ หากมีคำถามเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
อาการนอนไม่หลับอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ ได้แก่ สุขลักษณะการนอนไม่เหมาะสม จากการใช้สารเสพติดหรือยาบางชนิด จากโรคเจ็บป่วยเรื้อรังบางอย่าง จากปัญหาทางด้านสุขภาพจิต เช่น ความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า โรคนอนไม่หลับ เป็นต้น ในกรณีที่มีปัญหาการนอนเรื้อรังและลองปรับพฤติกรรมการนอนให้เหมาะสมดูแล้วยังคงนอนไม่หลับ แนะนำพบแพทย์ตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด ให้คุณหมอปรับยาให้เหมาะสมจะช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้นนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ผมนอนไม่หลับหลายอาทิตย์เเล้วครับ. ช่วงหลังกินยานอนหลับก็หลับดี แต่ไม่กี่วันนี้กินยายนอนหลับเริ่มจะไม่หลับเเล้ว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)