May 12, 2019 15:37
ตอบโดย
วลีรักษ์ จันทร (พว.)
ยาคุมฉุกเฉินก็เหมือนยาคุมกำเนิดธรรมดา แต่จะมีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดสูงกว่า ต้องกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งต้องใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ควรนำมาใช้เพื่อการคุมกำเนิดในระยะยาว เพราะอาจเกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงได้ หากใช้ไม่ถูกวิธีนะคะ
การกินยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องคือ กินเม็ดแรกให้เร็วที่สุด หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันทันที โดยไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง และจะต้องกินยาเม็ดที่สองหลังจากกินเม็ดแรกไม่เกิน 12 ชั่วโมงค่ะ
การกินยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาภายใน 24ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุดค่ะ
ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน
- ประจำเดือนอาจคลาดเคลื่อน ทำให้มาช้าหรือเร็วกว่าปกติ ข้อนี้ไม่ต้องกังวลไปนะคะ
- อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยออกมาระหว่างเดือน
- ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนหัว เจ็บคัดเต้านม
- ซึมเศร้า วิตกกังวล เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
อย่ากินยาคุมแบบฉุกเฉิน เกิน 2 ครั้งในชีวิต เพราะเป็นการการกระตุ้นเซลล์มะเร็ง ทำให้เสี่ยงต่อมะเร็ง หรือ กระทบต่อรังไข่ มดลูก และร่างกาย การที่ร่างกายรับสิ่งใดมากเกินไปย่อมไม่ดีอย่างแน่นอนนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมนะคะ
ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือใดที่ชี้ว่าการรับประทานยาคุมฉุกเฉินทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือการเกิดมะเร็งใด ๆ ก็ตามค่ะ
เพราะฉะนั้น ในฐานะของผู้ให้บริการทางการแพทย์ คุณวลีรักษ์ไม่ควรนำข้อมูลที่ขาดหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ดังที่กล่าวว่า "อย่ากินยาคุมแบบฉุกเฉิน เกิน 2 ครั้งในชีวิต เพราะเป็นการการกระตุ้นเซลล์มะเร็ง ทำให้เสี่ยงต่อมะเร็ง หรือ กระทบต่อรังไข่ มดลูก และร่างกาย การที่ร่างกายรับสิ่งใดมากเกินไปย่อมไม่ดีอย่างแน่นอน" มาเผยแพร่ต่อนะคะ
เพราะแม้ว่าจะแนะนำด้วยความปรารถนาดีที่ไม่ต้องการให้มีการใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างพร่ำเพรื่อเกินจำเป็น ซึ่งเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานหลายเท่า
แต่การ "ขู่ให้กลัว" ด้วยข้อมูลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือดังกล่าว ก็จะเป็นการสร้างความเข้าใจที่ผิด ๆ ให้กับผู้อ่าน จนอาจทำให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้ไม่กล้านำมาใช้ ซึ่งจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากเช่นกันค่ะ
..
..
..
และตอบคำถามของผู้ถาม
ยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลหยุดเลือดประจำเดือนค่ะ ดังนั้น หากเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนจริง ๆ การที่มาน้อยลงหรือหยุดไปเลยไม่ได้เกิดจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉินนะคะ
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานหลายเท่าค่ะ การที่รับประทานยาคุมฉุกเฉินครบขนาดและทันเวลาไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ ถ้าผู้ถามยังใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ แทนวิธีคุมกำเนิดปกติต่อไป เพียงเพราะไม่อยากใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่อยากรับประทานยาคุมรายเดือน ก็เสี่ยงที่จะคุมกำเนิดล้มเหลวและตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่าค่ะ
ดังนั้น หากยังไม่พร้อมจะมีบุตร และคาดว่าจะมีเพศสัมพันธ์อีกเรื่อย ๆ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะสมกับผู้ถามนะคะ หรือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์ก็ได้ เพราะถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาดก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
กินยาคุมฉุกเฉินมา 3 ครั้งแล้ว ครั้งแรกวันที่ 4 เมษา ครั้งที่สองวันที่ 27 เมษา ครั้งล่าสุดวันที่ 10 พฤษภา เมนส์มาวันที่ 9 พฤษภา มาเยอะมากตั้งแต่วันที่ 9-10 พฤษภา แล้วก็มีเพศสัมพันธ์กันวันที่ 10 พฤษภา เลยกินยาคุมเป็นครั้งที่สาม แต่เมนส์เริ่มมาน้อยตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภา มาวันนี้วันที่ 12 พฤษภาเมนส์ไม่มีไหลออกมาเลย อยากทราบว่าจะเป็นอะไรมั้ยคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)