ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว กลไกการออกฤทธิ์เป็นอย่างไร?

ถึงจะใช้ง่าย ใช้สะดวก แต่ต้องศึกษาวิธีใช้ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่ประสงค์
เผยแพร่ครั้งแรก 30 ธ.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 28 มี.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 11 นาที
ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว กลไกการออกฤทธิ์เป็นอย่างไร?

กินยาคุมฉุกเฉินก็ท้องได้นะ!

คุณผู้อ่านที่ใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆ เพราะคิดว่าใช้ง่ายและสะดวกกว่าการใช้ยาคุมรายเดือนที่ต้องรับประทานต่อเนื่องกันทุกวัน อาจเคยได้ยินมาว่า “ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์” ซึ่งถูกต้องแต่ไม่ทั้งหมดเนื่องจาก “ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ในระดับหนึ่ง” เท่านั้น นั่นคือ แม้จะได้ผลในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ไม่สามารถป้องกันได้ 100%  

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ยาคุมฉุกเฉินใช้เมื่อไร

ยาคุมฉุกเฉินผลิตมาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในกรณี “ฉุกเฉิน” ตามชื่อ ได้แก่

  • กรณีเกิดความผิดพลาดจากการใช้วิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราวอื่น ๆ เช่น ถุงยางแตก / รั่ว หรือ ลืมรับประทานยาคุมรายเดือนต่อเนื่องกันหลายวัน
  • กรณีที่มีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ได้ป้องกัน เช่น ถูกข่มขืน

แต่การมีเพศสัมพันธ์ของคู่รักทางไกลแบบนานๆ เจอกันสักครั้ง หรือคู่รักทั่วไปที่พาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ “อารมณ์พาไป” แล้วตั้งใจจะไม่ใช้ถุงยางอนามัย หรือยาคุมแบบแผงรายเดือน จัดเป็น “การมีเพศสัมพันธ์แบบที่มีเจตนาไม่ป้องกัน” หรือ “การมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่รอบคอบ” กรณีเหล่านี้ไม่เข้าข่ายที่แนะนำให้ใช้ยาคุมฉุกเฉินค่ะ

เหตุที่ไม่แนะนำเพราะยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าการใช้ถุงยางอนามัย หรือการใช้ยาคุมแบบแผงรายเดือน  ยาคุมฉุกเฉินจึงเหมาะที่จะใช้ในกรณีสุดวิสัยที่ใช้วิธีอื่นแล้วแต่เกิดความผิดพลาด  ไม่ใช่นำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดแบบธรรมดาเพราะหากใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆ จะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์มากขึ้น

ยาคุมแบบแผงใช้คุมฉุกเฉินได้ แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธี

ยาคุมแบบแผงบางยี่ห้อสามารถนำมาใช้ในลักษณะของการคุมกำเนิดฉุกเฉินได้แต่ต้องรับประทานให้ถูกวิธี

ยาคุมแบบแผงรายเดือน ถ้ารับประทานแบบปกติคือวันละ 1 เม็ดนั้น หากเริ่มรับประทานภายในวันที่ 1-5 ของวันที่มีประจำเดือนจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดได้ทันที แต่ถ้าเริ่มรับประทานช้ากว่านั้น ต้องรอให้รับประทานต่อเนื่องกัน 7 วันจึงจะเริ่มมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด ดังนั้นใน 7 วันนี้จึงควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย หรืองดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน  แต่หากจะเริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนวันละ 1 เม็ด หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้วจะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้

ถ้าจะใช้ยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน ในลักษณะการคุมฉุกเฉิน (Yuzpe regimen) ต้องรับประทานยี่ห้อที่มีตัวยาฮอร์โมน Ethinyl estradiol (EE) ปริมาณ  100 ไมโครกรัมขึ้นไป (โดยไม่ต้องคำนึงถึงขนาดของโปรเจสติน) เช่น ถ้ามียาคุมที่มี EE 20 ไมโครกรัมก็ต้องใช้ 5 เม็ด หรือถ้าเป็นยาคุมที่มี EE 30 ไมโครกรัมก็ต้องใช้ 4 เม็ด และต้องรับประทานให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ยิ่งเร็วยิ่งมีประสิทธิภาพดี แต่ไม่โดยทิ้งไว้นานเกินกว่า 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังจากการมีเพศสัมพันธ์   และหลังจากกินยาชุดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมง ให้กินยาอีกชุดในขนาดเท่าเดิม 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ตัวอย่างยาคุมแบบแผงรายเดือนที่สามารถนำมาใช้คุมกำเนิดฉุกเฉินได้ เช่น ยี่ห้อ แอนนา (Anna) มาร์วีลอน (Marvelon) ไมโครไกนอน (Microgynon) ไมโครเจสต์ (Microgest) และนอร์เดตต์ (Nordette) โดยรับประทานครั้งละ 3 เม็ด รวม 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันไม่นิยมใช้วิธีนี้เพราะประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ต่ำกว่ายาคุมฉุกเฉินแบบอื่นและผู้ใช้มักทนผลข้างเคียงเรื่องคลื่นไส้อาเจียนไม่ได้ อีกทั้งในปัจจุบันยาคุมฉุกเฉินสามารถหาซื้อได้ง่ายและมีราคาไม่แพงอยู่แล้ว

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแบบรับประทานที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

ยี่ห้อ ขนาดบรรจุ วิธีรับประทาน
โพสตินอร์ (Postinor)

Levonorgestrel 0.75 mg

จำนวน 2 เม็ด

รับประทานได้ 2 วิธี คือ 
วิธีที่ 1 : รับประทานครั้งละ 1 เม็ด จำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง
วิธีที่ 2 : รับประทาน 2 เม็ด ครั้งเดียว  
มาดอนนา (Madonna)
แมรี่ พิงค์ (Mary pink)
เลดี้นอร์ (Ladynore)
นอร์แพก (Norpak)
เมเปิ้ล ฟอร์ท (Maple forte)

Levonorgestrel 1.5 mg

จำนวน 1 เม็ด

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

รับประทาน 1 เม็ดครั้งเดียว

จากผลการศึกษาพบว่า ประสิทธิภาพของการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน Levonorgestrel ไม่ว่าจะเป็น ครั้งละ 0.75 มิลลิกรัม จำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือ ครั้งละ 1.5 มิลลิกรัม ครั้งเดียว ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยหากรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีประสิทธิภาพในการ ป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณร้อยละ 79 แต่หากรับประทาน ภายใน 72 – 120 ชั่วโมง ประมาณร้อยละ 60  สรุปว่า ยาคุมฉุกเฉินยิ่งรับประทานเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

เนื่องจากทั้งสองวิธีพบผลข้างเคียงจากยาไม่แตกต่างกันมากนัก การรับประทานยาครั้งเดียวในขนาด 1.5 มิลลิกรัม (ยี่ห้อโพสตินอร์ / มาดอนนา / แมรี่ พิงค์ / เลดี้นอร์/ นอร์แพก ครั้งละ 2 เม็ด หรือยี่ห้อเมเปิ้ล ฟอร์ท ครั้งละ 1 เม็ด) จึงสะดวกกว่า เพราะไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานเม็ดที่ 2 หรือไม่ แต่ผู้ที่ทนผลข้างเคียงจากยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ฯลฯ ไม่ได้ แนะนำให้รับประทานแบบเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัมครั้งละ 1 เม็ด จำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง

จริงหรือไม่ ยาคุมฉุกเฉินมีอันตรายต่อร่างกายจึงไม่ควรใช้เกิน 2 ครั้ง

จริงไม่แนะนำให้ใช้บ่อย ๆ แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะกลัวอันตรายต่อร่างกาย  ในอดีต มีข้อแนะนำจากบริษัทผู้ผลิต/จำหน่าย ซึ่งระบุไว้ในฉลากกำกับยาว่าไม่ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินเกินเดือนละ 2 ครั้ง เพราะเกรงว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูก ในกรณีที่การคุมกำเนิดล้มเหลว (หมายถึงใช้ยาคุมฉุกเฉินแล้ว แต่ป้องกันไม่ได้ และผู้ใช้เกิดการตั้งครรภ์) แต่เมื่อมีการศึกษาวิจัยเรื่อยมา ปัจจุบันก็มีข้อสรุปว่า การใช้ยาคุมยังอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่รังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกถึง 2% เป็นต้น 

ดังนั้นการใช้ยานี้จึงควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจพบมักจะเป็นอาการที่ไม่รุนแรงและผู้ใช้ทนได้

บางคนที่ฟัง หรือจำมาผิด ๆ ว่าทั้งชีวิต จะใช้ยาคุมฉุกเฉินได้ไม่เกิน 2 ครั้ง สรุปว่า ใช้ได้ ถึงจะใช้มากกว่าเดือนละ 2 ครั้งก็ยังได้ แต่เราไม่แนะนำ เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพียงแค่ ร้อยละ 77-82 ถ้ามีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งแนะนำให้ใช้ยาคุมแบบแผงรายเดือนดีกว่าเพราะมีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 99 (ถ้ารับประทานถูกต้องและสม่ำเสมอ) หรือใช้ถุงยางอนามัยแทนเพราะนอกจากจะมีประสิทธิภาพสูงถึงร้อยละ 95-98 (ถ้าใช้ถูกต้อง และถุงยางไม่ฉีกขาด) แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วยค่ะ

คำถามเกี่ยวกับใช้ยาคุมฉุกเฉิน

Q : กินแบบเมเปิ้ลฟอร์ทไปค่ะ กังวลอยู่เพราะไม่เคยกินเลย แฟนไปซื้อให้เห็นบอกเภสัชบอกมา ตัวนี้ตัวเดียวจบมีเพศสัมพันธ์เสร็จตอนตี 1 กินตอนเจ็ดโมงครึ่งเกือบๆ แปดโมง จะเกิดอะไรไหมคะ ขอความรู้ค่ะ

A : ตัวยา Levenorgestrel ที่ใช้เป็นยาคุมฉุกเฉินกินได้ 2 แบบ คือ 1. กิน 1.5 มิลลิกรัมครั้งเดียว   2. กินครั้งละ 0.75 มิลลิกรัม สองครั้ง ห่างกันครั้งละ 12 ชั่วโมง
ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อ โพสตินอร์/มาดอนนา/แมรี่ พิงค์/นอร์แพก  จะมียา 2 เม็ด ซึ่งมีตัวยาเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม จึงสามารถกินแบบ 2 เม็ดในครั้งเดียวก็ได้
หรือจะกินครั้งละ 1 เม็ด จำนวน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมงก็ได้ประสิทธิภาพไม่ต่างกันถ้ากินถูกต้องครบถ้วน   แต่ยาคุมยี่ห้อ เมเปิ้ลฟอร์ทจะมียา 1 เม็ดซึ่งมีตัวยาอยู่ 1.5 มิลลิกรัม  ดังนั้นการกินเมเปิ้ลฟอร์ท 1 เม็ด ก็จะเหมือนกินโพสตินอร์/มาดอนนา/แมรี่ พิงค์/นอร์แพกแบบ 2 เม็ดในครั้งเดียวนั่นเอง

ยาคุมฉุกเฉินนั้น ยิ่งกินเร็วก็ยิ่งดีอย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ดังนั้นการกินเมเปิ้ลฟอร์ทของคุณก็ถือว่าทันเวลาค่ะ  หลังจากนี้อาจมีอาการข้างเคียงที่พบได้จากยาคุมฉุกเฉิน  เช่น มีเลือดกระปริบกระปรอย หลังกินยาไปแล้ว 2-5 วัน  หรือประจำเดือนมาเร็ว  หรือช้ากว่าปกติ(มักคลาดเคลื่อนไม่เกิน 1 สัปดาห์)  หรืออาจไม่มีอาการข้างเคียงดังที่กล่าวมาก็ได้ค่ะ   การมีเลือดกระปริบกระปรอยหลังใช้ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้ชี้วัดว่า จะท้องหรือไม่ท้องนะคะ

ส่วนจะมีโอกาสตั้งครรภ์มั้ย?  

ตอบว่า  มีค่ะ  แต่อาจเสี่ยงน้อยกว่าการไม่กินยาคุมฉุกเฉิน (คือกินก็ดีกว่าไม่กิน)  แต่เสี่ยงสูงกว่าการใช้ถุงยางอนามัย หรือกินยาคุมรายเดือน

Q : กินยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อเลดี้นอร์ไปค่ะ เภสัชกรจับยาตัวนี้มาให้ค่ะ มีเพศสัมพันธ์ตอน 4 โมงเย็น  แล้วไปกินยาคุมฉุกเฉิน ตอน 10 โมงเช้ากว่าๆ จะเป็นอะไรมั้ยคะ แนะนำด้วยค่ะ

A : ตามที่กล่าวไว้ในบทความนะคะ  หากกินครบขนาดภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์  สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยมีประสิทธิภาพร้อยละ 77-82  ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี
หากใช้เมื่อมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วโดยไม่ได้ป้องกัน แต่ไม่ใช่ทางเลือกที่ “ดีที่สุด” ในกรณีที่สามารถเลือกใช้วิธีอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามากได้  เช่น ถุงยางหรือยาคุมแบบรายเดือน
แต่กลับเลือกยาคุมฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่ามาใช้แทน

ในกรณีนี้เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วการป้องกันโดยการใช้ยาคุมฉุกเฉินภายในระยะเวลาที่กำหนดถือว่า เป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีค่ะ  แต่ถ้าเป็นไปได้ เลือกใช้ถุงยางอนามัย หรือยาคุมรายเดือนเป็นทางเลือกแรกเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ แล้วค่อยใช้ยาคุมฉุกเฉินเมื่อทางเลือกแรกเกิดปัญหา  เช่น ถุงยางฉีกขาด หรือลืมกินยาคุมรายเดือนติดต่อกันหลายวัน จะป้องกัน “การตั้งครรภ์ไม่พร้อม” ได้ดีกว่า

Q : มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งใน หลังจากนั้นก็ให้แฟนไปซื้อยาคุมกำเนิด   เภสัชให้ของเมเปิ้ล ฟอร์ทมา กินยาภายในครึ่งชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์จะมีโอกาสท้องไหมคะ

A : การใช้ยาคุมฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ พบว่า มีอัตราการตั้งครรภ์ ร้อยละ 1.5  นั่นคือ มีโอกาสตั้งครรภ์นะคะ แต่ก็น้อยกว่าในกรณีที่ไม่กินยาคุมฉุกเฉินเลย   ยาคุมแบบแผงรายเดือนไม่ใช่ยาคุมฉุกเฉินนะคะ   ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันไปแล้วจะมากินยาคุมแบบรายเดือน ในขนาดปกติ  (คือวันละเม็ด) ตามทีหลัง  ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้   ดังนั้นที่เภสัชกรจ่ายยาคุมฉุกเฉินมาให้นั้นก็เหมาะสมแล้วค่ะ

Q : มีอะไรกับแฟน วันที่ 29 กันยายน 2560 ช่วงเช้า แฟนหลั่งในไปนิดนึงค่ะ  แฟนไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมาให้ของเมเปิ้ล ฟอร์ท แบบกินเม็ดเดียว 1.5 mg คะ  หนูกินยาคุมฉุกเฉินทันทีเรียกว่า ไม่เกิน 30 นาที หลังจากมีเพศสัมพันธ์ค่ะ  จะมีโอกาสท้องไหม ประจำเดือนของเดือนที่แล้วมาวันที่ 14 กันยายน 2560 ค่ะ    วันนี้ (11 ตุลาคม 2560) ประจำเดือนยังไม่มาเลยคะ หนูกินยาสตรีเบนโลได้จะ 1 สัปดาห์แล้วค่ะ  หลังมีเพศสัมพันธ์ไป 14 วัน ลองตรวจครรภ์ดู ผลออกมา 1 ขีด   หนูจะท้องไหมคะ

A :  อย่างที่แนะนำไว้ในบทความนั่นแหละ  ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%   ฉะนั้น ถ้าถามว่ามีโอกาสท้องมั้ย คำตอบก็คือ “มี”   ที่ตรวจตั้งครรภ์ไปแล้วขึ้นขีดเดียว ยังไม่ได้ชี้ชัดว่า “ไม่ท้องแน่นอน”  เพราะเวลาน้อยไป ควรตรวจหลังมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 14 วัน   และถ้าท้องจริงๆ การกินยาสตรีไม่ได้ช่วยอะไรค่ะ    แต่การที่ประจำเดือนยังไม่มาในตอนนี้ ไม่ได้บ่งชี้ว่า “ท้องแน่นอน” นะคะ   เพราะประจำเดือนอาจคลาดเคลื่อนจากความเครียด  รวมถึงการใช้ยาคุมฉุกเฉินก็อาจทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้เช่นกัน   หรืออาจแค่ยังไม่ถึงเวลามาตามปกติ    แนะนำให้รอดูไปก่อนค่ะ  ประจำเดือนอาจแค่มาช้าจากความเครียดและการใช้ยาคุมฉุกเฉินก็ได้   หากต้องการตรวจตั้งครรภ์ รออีก 3-7 วันค่อยตรวจนะคะ

Q : เมื่อวานมีอะไรกับแฟนตอน 3 โมงเย็นกว่าๆ แบบหลั่งใน  พอตอน 5 โมง ก็เย็นกินยาฉุกเฉินของเมเปิ้ลฟอร์ทไป  มันจะคุมได้มาก หรือน้อยคะ แล้วหนูก็ซื้อยาคุมรายเดือนของแอนมาด้วยเพื่อจะกินใรวันถัดไปกินไปเรื่อยๆ มันจะคุมได้มากไหมคะ

A : ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่สูงมากเมื่อเทียบกับการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนอย่างถูกต้อง ตัวเลขตามที่กล่าวไว้ในบทความนะคะ   หลังใช้ยาคุมฉุกเฉิน 2-5 วัน อาจมีเลือดกระปริบกระปรอย หรืออาจไม่มีก็ได้  เป็นผลข้างเคียงจากยา ไม่ใช่เป็นตัวชี้วัดว่าจะท้อง หรือไม่ท้อง  ส่วนประจำเดือน อาจมาเร็ว  หรือช้ากว่ากำหนดเดิมได้ถึง 1 สัปดาห์   การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน มีประสิทธิภาพสูงกว่ายาคุมฉุกเฉินแต่ควรเริ่มใช้ภายใน 5 วันแรกที่มีประจำเดือน เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่ได้ใช้ขณะท้อง   (การใช้ขณะที่ท้องอยู่ ไม่มีผลให้แท้ง แต่อาจทำให้เกิดความพิการของเด็ก)  ดังนั้นจึงยังไม่ควรเริ่มใช้แอนนาค่ะเพราะยังไม่มั่นใจว่าจะท้องหรือไม่ จากการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งนี้   ระหว่างที่รอให้มีประจำเดือนหากจะมีเพศสัมพันธ์อีก ควรใช้ถุงยางอนามัยนะคะและเมื่อประจำเดือนมา สามารถเริ่มใช้ยาคุมรายเดือนได้เลย  เมื่อเริ่มกินแผงแรกภายในวันที่ 1-5 ของการมีประจำเดือน
จะสามารถคุมได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่ใช้ค่ะ

Q : มีอะไรกับแฟน แต่ถุงยางฉีกขาดเลยซื้อยาคุมฉุกเฉินของเมเปิลฟอร์ทมากินหลังมีเพศสัมพันธ์ไม่เกินครึ่งชม.ครับ  ปกติแฟนกินยาคุม แบบแผง 21 เม็ดทุกเดือนครับ   แต่วันนั้นแฟนลืมกิน   แต่ก่อนหน้านี้กินทุกวันไม่เคยขาด

A : การใช้ยาคุมแบบแผงรายเดือนร่วมกับถุงยางเป็นการป้องกันที่รอบคอบดีแล้วค่ะ  เมื่อใช้ได้อย่างถูกต้องก็มีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำมาก  และหากพลาดในทางใดทางหนึ่งก็ยังมีการป้องกันอีกทางช่วยไว้
อันที่จริงในกรณีนี้ยาคุมแบบแผงรายเดือนน่าจะยังมีผลคุมกำเนิดได้อยู่โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินซ้ำ  แต่กินเมเปิ้ลฟอร์ทไปแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ  หลังจากนี้ 2-5 วัน อาจมีเลือดกระปริบกระปรอย (หรืออาจไม่มีก็ได้)  ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน ไม่ต้องตกใจนะคะ   

Q : อยากสอบถามคะว่า มีเพศสัมพันธ์กับแฟนมา 2 วันติดกัน เว้น 1 วัน แล้วมีอีก 2 วัน แฟนหลั่งนอกทุกครั้ง  บางครั้งก็ไม่เสร็จ แล้ววันที่หยุดไปคือมีเลือดไหลค่ะ   แต่ 2 วันสุดท้ายที่แฟนมีเพศสัมพันธ์ เลือดไหลน้อยกว่าวันที่หยุดไป 1 วัน แล้วมากินยาคุมฉุกเฉินของ  maple forte  หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายวันต่อมาอ่ะคะ  มีโอกาศท้องไหมคะ

A : ลองพิจารณาว่า เลือดที่ออกมาตรงกับช่วงเวลาที่คาดว่าจะเป็นประจำเดือนหรือไม่ และมีเลือดออกมาเหมือนกับที่เคยเป็นในช่วงที่เป็นประจำเดือนหรือเปล่า  หากเลือดที่ออกมาคือเลือดประจำเดือน ก็ไม่น่าจะมีการตั้งครรภ์ค่ะ   แต่หากไม่ใช่เลือดประจำเดือนเมื่อมีเพศสัมพันธ์ย่อมมีโอกาสท้องได้เสมอค่ะ  ไม่ว่าจะป้องกันด้วยวิธีใด   วิธีคุมกำเนิดช่วยแค่ลดความเสี่ยงให้น้อยลง  จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับว่าแต่ละวิธีนั้นมีประสิทธิภาพเพียงใด  และผู้ใช้ ใช้ได้ถูกต้องหรือไม่  โอกาสที่จะท้อง เมื่อใช้ยาคุมฉุกเฉินภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์สามารถอ่านได้ในบทความนะคะ    ส่วนการหลั่งนอก ไม่แนะนำให้ใช้เป็นทางเลือกหลักในการคุมกำเนิดค่ะเพราะในทางปฏิบัติโดยทั่วไป มักจะมีการหลั่งอสุจิออกมาบ้างไม่มากก็น้อย

Q : กินยาเมเปิ้ลฟอทไปแล้ว 2-3 เดือน จะกินอีกครั้งที่ 2 จะเป็นอะไรมไหมคะ

A : กินได้ค่ะ  แต่เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับการใช้ยาคุมแบบรายเดือนเป็นประจำอย่างถูกต้อง  หรือการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องและไม่ฉีกขาด   ดังนั้นหากเป็นไปได้ควรเลือกใช้การคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าก่อน และหากเกิดความผิดพลาดจากการใช้วิธีดังกล่าวจึงค่อยใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีสุดท้ายนะคะ

Q : ขอสอบถามครับ ผมมี พสพ กับแฟนหลั่งใน ผ่าน5 ชม แล้วกินเมเปิ้นฟอร์ด หลังจากนั้นผมหลั่งในอีกแต่อยู่ในเวลา 72 ชม.ยายังมีประสิทธิภาพป้องกันมั้ยคับ

A :  ต้องเน้นย้ำว่า “ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของยาคุมฉุกเฉิน  ***ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ***   เช่น ยาคุมแบบแผงรายเดือน ยาคุมแบบฉีด/ฝัง/แผ่นแปะ หรือการใช้ถุงยางอนามัย
จึงแนะนำให้ใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินจริง ๆ ได้แก่ 

– การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ตั้งใจ/ไม่สามารถป้องกันได้ เช่น กรณีถูกข่มขืน
– เกิดความผิดพลาดจากการใช้วิธีคุมกำเนิดอื่น ๆ เช่น ถุงยางฉีกขาด, ลืมกินยาคุม

ยาคุมฉุกเฉิน สามารถใช้ภายใน 120 ชั่วโมงหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว  (แต่ยิ่งรับประทานเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี)   ***ไม่มีข้อมูลประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดหากมีเพศสัมพันธ์หลังรับประทานยาค่ะ***
ดังนั้นเมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินหลังการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกไปแล้ว  กรณีที่มีเพศสัมพันธ์อีก หากไม่ได้ป้องกัน ก็ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินซ้ำค่ะ   พกถุงยางไว้เผื่อต้องใช้เมื่อจะมีเพศสัมพันธ์อีก …จะดีกว่านะคะ

Q : มีเพศสัมพันธ์ตี 5  ทานยาคุมฉุกเฉินประมาณ 9 โมงแล้วค่ ะ สรุปหากจะทานยาคุมแบบ 21 เม็ด ก็สามารถทานได้เลยหรือเปล่าค่ะ หรือต้องรอ 7 วันเพราะช่วงนั้นอาจจะมีเลือดกระปริดกระปรอยค่ะ และต้องรอทานครบประมาณ 7 เม็ดใช่ไหมค่ะถึงจะมีประสิทธิภาพคะ 

A : แม้จะใช้ยาคุมฉุกเฉินภายในเวลาที่เหมาะสมแล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์นะคะ  (โอกาสตั้งครรภ์ในผู้ที่ใช้ยาคุมฉุกเฉินคือ 15-25%)  ฉะนั้น ยังไม่ควรเริ่มใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ดในช่วงนี้ค่ะ
หลังจากใช้ยาคุมฉุกเฉิน ประมาณ 2-5 วัน บางคนอาจจะมีเลือดกะปริบกะปรอย  (แต่บางคนก็ไม่มีค่ะ จะมีหรือไม่มี ไม่ได้สำคัญอะไร ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าจะท้องหรือไม่)   ส่วนประจำเดือน ไม่ได้จะมาใน 7 วันหลังจากใช้ยาคุมฉุกเฉินนะคะ  ประจำเดือนเคยมาในช่วงไหนก็จะมาในช่วงเดิมค่ะ  อาจเร็วหรือช้าไปบ้าง แต่มักไม่เกิน 1 สัปดาห์จากวันที่คาดไว้เดิมค่ะ

แนะนำให้รอวันที่ประจำเดือนมาวันแรก หรือไม่เกินวันที่ 5 ของการเป็นประจำเดือน จึงค่อยเริ่มใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ดนะคะ  เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ก่อนจะใช้ยาอย่างแน่นอน เพราะการใช้ยาคุมขณะตั้งครรภ์จะเสี่ยงต่อความพิการของทารกในครรภ์ค่ะ  ถ้าเริ่มใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ดภายในวัน 5 วันแรกที่เป็นประจำเดือนจะสามารถคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่ใช้ค่ะ

Q :ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ดคุมได้กี่ชั่วโมงคะ หลังจากที่ทานแล้วสามารถมีเพศสัมพันธ์ต่อได้อีกไหมแล้วต้องกินยาเพิ่มมไหมคะ

A : ไม่มีข้อมูลประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดหากมีเพศสัมพันธ์หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ  ดังนั้นเมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินหลังการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว  กรณีที่มีเพศสัมพันธ์อีก หากไม่ได้ป้องกันก็ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินซ้ำค่ะ  แต่ยาคุมฉุกเฉิน มีวัตถุประสงค์ให้ใช้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้นซึ่งหมายถึง ได้พยายามคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นแล้ว  เช่น ยาคุมรายเดือน หรือ ถุงยางอนามัย
แต่มีข้อผิดพลาดในการใช้ เช่น ลืมกินยาคุม หรือ ถุงยางแตก  เนื่องจากประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ของยาคุมฉุกเฉิน  ***ไม่สูงนัก เมื่อเทียบกับการใช้ยาคุมรายเดือนหรือถุงยางอย่างถูกวิธี***
ต่อไป ควรใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามาป้องกันดีกว่านะคะเช่น ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วยหรือใช้การคุมด้วยฮอร์โมนวิธีอื่น ๆ เช่น
– ยาคุมคุมกำเนิดรายเดือน(ต้องกินประจำ ไม่ใช่กินเฉพาะวันที่มีเพศสัมพันธ์)
ยาฝังคุมกำเนิด(ฝังฟรีที่ รพ.รัฐทั่วประเทศ หากอายุยังไม่เกิน 20 ปี)
– ยาฉีดคุมกำเนิด (คุมได้นานหลายเดือน ไม่ต้องกลัวลืมกินเหมือนยาเม็ด)
จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีกว่ายาคุมฉุกเฉินค่ะ


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
H von Hertzen et al. Low Dose Mifepristone and Two Regimens of Levonorgestrel for Emergency Contraception: A WHO Multicentre Randomized Trial. Lancet 360 (2002): 1803-1810.
Cleland, Kelly et al. “Ectopic Pregnancy and Emergency Contraceptive Pills: A Systematic Review.”Obstetrics and gynecology 6 (2010): 1263–1266.
WHO: Selected practice recommendations for contraceptive use, Third edition 2016

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป