ตัดสินใจอยู่นานเลยว่าจะปรึกษาดีมั้ย แต่เมื่อลองคิดทบทวนดูแล้ว มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก ดูจะดีเสียอีกค่ะที่ลองดูสักครั้ง #อาจจะพิมพ์ยาวอ่านยากเล็กน้อยต้องขออภัยในที่นี้ด้วยนะคะ คือเริ่มแรกเลย สิ่งที่เป็นหลักๆตอนนี้มีอยู่สองอย่างคือ รู้สึกอ่อนเพลีย เหนือยกับชีวิต หมดไฟเห็นอะไรก็เชื่อยชา ไม่ค่อยรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำมาก อย่างที่สอง รู้สึกปวดบ่า แถวต้นคอร้าวมาถึงหลังและเอว ลามไปขา เจ็บมากๆเวลาพลิกตัวตอนนอนทั้งที่เป็นแค่เด็กมัธยม ต้องขออธิบายในส่วนของอาการเหนื่อย หมดไฟก่อนนะคะ คือรู้สึกว่าตัวเองคิดลบมาก รู้สึกไร้ค่า ตอนอยู่กับเพื่อนเยอะก็ดีๆอยู่ แต่พอเขาไป เราอยู่คนเดียวปุ๊ป สักพักมันก็มีความคิดแวบเข้ามาตอนอยู่คนเดียวว่าแบบนี้ถูกแล้วเหรอ เขาอยากมีเราเป็นเพื่อนเหรอ ที่ทำดีด้วยเขาหวังผลเรารึเปล่านะ มันเป็นความรู้สึกคิดลบมาก ไม่น่าเชื่อว่าเราจะคิดแบบนี้ได้เลย รู้สึกผิด นอนไม่หลับ เครียดมาก หงุดหงิดง่ายไปหมด รู้สึกท้อแท้หมดไฟบ่อยมาก แต่เรากลับที่จะยิ้ม ไม่รู้ว่ายิ้มทำไม ทั้งที่ในหัวคิดลบขนาดนั้น ทั้งที่ไม่พอใจมากแต่ก็แค่ยิ้มแล้วบอกว่าไม่เป็นไรทั้งที่ในใจเราไม่โอเคมากๆ เพราะแบบนี้เลยสับสนกับตัวเองว่าเราเป็นอะไร ทำไมเหมือนควบคุมอารมณ์เราไม่ได้ รู้สึกตัวเราเปลี่ยนไปทั้งที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ อีกเรื่องคืออาการปวดบ่า หลัง ร้าวมาเอวและขา เป็นตลอดตอนนอน จะพลิกก็ปวด บ้างครั้งนอนอยู่พลิกเปลี่ยนท่านิดเดียวปวดจนน้ำตาไหล แถมเวลาพลิกตัวบางครั้งก็มีเสียงกร็อบแกร็บดังขึ้น จนเรากลัวว่ากระดูกจะหักหรือเคลื่อนรึเปล่า เพราะอาการสองอาการณ์นี้ทำให้เราเป็นกังวลมากว่าเราเป็นอะไรกันแน่ เลยอยากขอคำปรึกษาค่ะ และขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูง หากท่านให้ความกรุณาตอบในข้อสงสัยนี้ค่ะ

สวัสดีครับ
1. อาการอ่อนล้า หมดไฟ มีความคิดในแง่ลบต่อตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่านั้นอาจเป็นอาการที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ

อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ

ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ

http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html

ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น

ในส่วนนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสาเหตุให้แน่ชัดอีกครั้งก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ

2. อาการปวดบ่า หลัง ร้าวไปส่วนต่างๆนั้นโดยส่วนใหญ่มักเกิดจากอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อครับ โดยอาจมีสาเหตุมาได้จากหลายอย่าง เช่น การยกของหนัก ทำงานหนัก การนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานานโดยไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถ หรือแม้แต่การมีความเครียดมีอารมณ์ที่ไม่ดีเองก็อาจทำให้เกิดอาการเกร็งกล้ามเนื้อโดยไม่รู้ตัวและมีอาการปวดเมื่อยตามมาได้ครับ

วิธีการดูแลตัวเองในเบื้องต้นนั้นหมอแนะนำให้พยายามออกกำลังกาย เหยียดยืดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ และอาจรับประทานยาแก้ปวดคลายกล้ามเนื้อตามอาการก่อนได้ แต่ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้นก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมได้ครับ

อาการคิดลบ รู้สึกไร้ค่า เบื่อหน่าย ท้อแท้ อาจบ่งถึงอาการของโรคซึมเศร้าก็เป็นไปได้นะคะ

ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ทำให้การรับรู้ ความคิด การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม หากเจอปัญหาหรือมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น

อาการของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง

หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้าควรพบจิตแพทย์ทันที ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม

การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิดอารมณืและพฤติกรรมต่างๆได้เหมาะสม ร่วมกับการทำจิตบำบัด จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจทำให้ปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ

ในระหว่างทำการรักษา ควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นนะคะ

สวัสดีครับ

ก่อนอื่นเลยก็ขอชื่นชมนะครับที่พยายามเรียบเรียงประสบการณ์และสิ่งต่างๆที่เจอและกล้าที่จะเข้ามาบอกเล่าในนี้ อย่างที่แบ่งออกมาว่าเป็น 2 ส่วนจริงๆแล้วผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการลองเข้ารับการตรวจร่างกายดูจะได้เข้าใจว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติและจะต้องมีการรักษาหรือการดูแลตัวเองอย่างไรเพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งในจุดนี้ผมคิดว่าสามารถทำได้ง่ายและลองคุยกับผู้ปกครองดูและให้พาไปหาหมอได้เลยครับ

ส่วนในเรื่องที่สองนี้ อาจจะเป็นไปอย่างที่คุณหมอและพี่นักจิตวิทยาได้บอกไว้ในเรื่องของภาวะโรคซึมเศร้าซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนนะครับ ส่วนสาเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุด้วยกันไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือว่าประสบการณ์ที่ไม่ดีเรื่องอื่นๆก็เป็นได้ครับ ในส่วนของภาวะโรคซึมเศร้า เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความคิดในด้านลบและความวิตกกังวลเกิดขึ้น รวมไปถึงอาการหมดไฟ ที่เล่ามาด้วยครับ ซึ่งสิ่งที่อาจจะต้องทำเช่นกันก็คือการเข้าพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่นเพื่อรับการประเมินและการช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป เพียงแต่ว่าอุปสรรคหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นก็คือการที่คนที่บ้านไม่เข้าใจในเรื่องของภาวะโรคซึมเศร้าและอาจจะไม่ได้สนับสนุนการให้ไปพบจิตแพทย์ แต่หากว่าที่บ้านค่อนข้างเปิดใจ ตรงนี้ก็อยากให้ลองพูดคุยกับเขาดูครับ

นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญ หนูสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาที่ตนเองจะรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือรู้สึกสนุกผ่อนคลายให้ และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความตึงเครียดในตัวหนูลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วยกับการรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต จะเป็นการช่วยให้หนูสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ในระยะยาวอีกด้วยครับ

สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งแต่ยังไม่ต้องการที่จะพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ