October 19, 2018 18:14
ตอบโดย
สุพิชชา แสงทองพราว (พญ.)
สวัสดีค่ะ หากมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ เพื่อแยกสาเหตุของการขาดประจำเดือนจากการตั้งครรภ์ออกไปก่อนค่ะ
หากไม่มีเพศสัมพันธ์ หรือตรวจแล้ว ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ อาการขาดประจำเดือน สามารถเกิดจากสาเหตุต่างๆค่ะ เช่น
- ความผิดปกติของการตกไข่ การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ หรือไม่ตกในเดือนนั้น ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนหรือมาผิดปกติได้ กรณีนี้จะพบได้บ่อยที่สุด
-โรคถุงน้ำรังไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ และขาดประจำเดือนได้
- ความแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกาย ที่มีผลต่อการตกไข่
- การออกกำลังกายหนักจนเกินไป
- ความเครียด ความวิตกกังวล การพักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอน
- โรคอ้วน
- การที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือลดลงอย่างรวดเร็ว
- โรคความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ มักพบอาการร่วมด้วยเช่น เหนื่อยง่าย ใจสั่น น้ำหนักลง หรือไทรอยด์ต่ำ อาการร่วมที่พบได้คือ อ่อนเพลีย น้ำหนักขึ้น ท้องผูก เป็นต้น
กรณีประจำเดือนขาดไปมาากว่า 2 เดือน โดยที่ไม่มีการตั้งครรภ์ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่ถูกต้องค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ โดยปกติ รอบเดือนของเรา จะคลาดเคลื่อนอยู่ระหว่าง 21-35 วัน (บวกลบเจ็ดวันจากรอบก่อนๆ ) อยู่แล้วค่ะ ถ้ายังอยู่ในช่วงนี้ ก็ยังถือว่าปกติค่ะ แต่ถ้ามีความเครียด วิตกกังวล ซึ่งเกิดขึ้นได้ในคนทั่วไป ก็อาจทำให้คลาดเคลื่อนไปได้อีกค่ะ
**ซึีงถ้าประจำเดือนห่างกันประมาณ 3สัปดาห์ ก็ยังถือว่าปกติได้ค่ะ
สำหรับถ้าเดือนนี้ ยังไม่มา ก็รอดูก่อนได้ค่ะ บวกลบ 1-2 สัปดาห์จากรอบก่อนๆ ไม่ถือเป็นความผิดปกติค่ะ แต่หากประจำเดือนคล่ดเคลื่อนนานเกิน 2-3 สัปดาหฺ แนะนำว่า
ถ้าคนไข้มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ก็อาจตั้งครรภ์ได้ เบื้องต้นแนะนำว่า ให้ตรวจการตั้งครรภ์ก่อนนะคะ โดยการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะด้วยตนเอง สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ
-ถ้าคนไข้ไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เลยหรือตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์ปัจจัยที่จะทำให้ประจำเดือนที่เคยมา แล้วไม่มา หรือผิดปกติ มีหลายอย่างค่ะ ตัวอย่าง เช่น
1.ความเครียด การอดอาหารนานๆ และการออกกำลังกายอยางหักโหมมากเกินไป ทำให้ประจำเดือนขาดได้ค่ะ พบได้บ่อยที่สุด
2.การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด แบบฉีด หรือยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช
3.โรคทางระบบสืบพันธ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ ( PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ หรือ การ ติดเชื้อ ทางเพศสัมพันธ์ อาจมำให้มีอาการปวดท้อง หรือ ตกขาว ที่ผิดปกติได้ ซึ่ง คใรไปพบแพทยืดพื่อตรวจร่างกาย
4.ฮอร์โมน ไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งจะต้องทีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือ ฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ อาจทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มา หรือมาแบบกระปริบกระปรอย เป็นต้นค่ะ
5. โรคทางการกินที่ผิดปกติ (anorexia) ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง หากอดอาหาร หรือทานอาหารไม่ถูกวิธีนานๆ จะทำให้ขาดประจำเดือนได้ค่ะ
ถ้าคนไข้มีอาการต่างๆที่ผิดปกติดังที่กล่าวไป แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะคะ
หากประจำเดือนมาล่าช้ากว่าปกติ และไม่ได้เป็นมาติดต่อกันนานเกิน 3 ครั้ง ก็ให้รอดูอาการก่อนได้ค่ะ หากเกิน 3 เดือนประจำเดือนไม่มา แนะนำให้ไปตรวจร่างกาย และตรวจภายในเพิ่มเติมนะคะ
อนึ่ง การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกาย จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีและทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือมีอาการขาดประจำเดือนไปนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- มีการตั้งครรภ์
- มีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่(PCOS)
- ความเครียด
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด
ในกรณีที่ในรอบเดือนที่ผ่านมาได้มีเพศสัมพันธ์มาก่อนและมีการขาดประจำเดือนไป ก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อนครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
แต่ในกรณีที่มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการตั้งครรภ์ สาเหตุก็อาจเกิดได้จากหลายอย่างตามที่ได้ยกตัวอย่างไปก่อนหน้านี้ครับ ซึ่งก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้ ยกเว้นในกรณีที่มีปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆหรือประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แล้วประจำเดือนห่างกัน2สัปดาห์ เดือนนี้เป็น2ครั้ง(พึ่งเป็นครั้งแรก) พึ่งหยุกกินยาคุมได้6วัน ประจำเดือนมาวันที่ 13-15. แล้วก็มาอีก วันที่ 27 แบบนี้จะเป็นอันตรายไหมคะ
ประจำเดือนมา2ครั้งแล้วเดือนต่อมาประจำเดือนยังไม่มาเกิดจากสาเหตุอะไรค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)