November 17, 2018 20:40
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
หมอไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมาคุณได้ทำอะไรมาแล้วบ้างนะครับ แต่จากอาการตามที่คุณเล่ามานั้นมีโอกาสที่จะเป็นอาการของโรคซึมเศร้าได้
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการดังกล่าวส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิ้งค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าของตนเองก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
หากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
โรคซึมเศร้านั้นเกิดจากการทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ ทำให้เกิดอารมณ์ขึ้นมาอย่างไม่สมเหตุสมผลหรือมากและนานเกินกว่าที่ควรจะเป็น ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าจึงเกิดอาการเศร้าขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจแต่เป็นผลจากการที่สมองมีการสั่งการที่ผิดปกติไปครับ “การเป็นโรคซึมเศร้าจึงไม่ใช่การเรียกร้องความสนใจ”
ถ้าหากอาการที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากโรคซึมเศร้าจริงและไม่ได้รับการรักษาก็อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและการเรียนในระยะยาวได้ครับ ในทางตรงกันข้ามถ้าหากได้รับการรักษาก็มีโอกาสสูงที่อารมณ์จะกลับมาเป็นปกติ สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติ และเรียนได้ปกติตามเดิม
หมอแนะนำว่าควรลองเปิดใจพูดคุยกับที่บ้าน เล่าอาการที่เกิดขึ้นให้คุณพ่อคุณแม่ฟังดูก่อน เล่าให้ท่านเห็นภาพว่าอาการรบกวนการนอนและการเรียนของคุณขนาดไหน และส่งผลกระทบต่อตัวคุณขนาดไหนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ก็อาจพูดให้ท่านได้เห็นภาพมากขึ้นโดยลองเปรียบเทียบระหว่างตัวคุณในตอนนี้กับในอดีตมีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้ท่านเห็นภาพว่าอาการที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อตัวคุณจริงๆ คุณไม่ได้แกล้งทำ และไม่อยากให้เป็นแบบนี้
และในท้ายที่สุดหมอก็อยากให้คุณได้ไปปรึกษาอาการกับจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการให้แน่ชัดและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ โรคซึมเศร้านั้นสามารถรักษาให้หายได้ ถ้าหากได้รับประทานยาเพื่อปรับการทำงานของสารเคมีในสมองให้กลับเข้าสู่สมดุลอีกครั้ง และยิ่งได้รับการรักษาเร็วมากเท่าไหร่ ผลการรักษาก็จะยิ่งออกมาดีมากขึ้นเท่านั้น
หมอขอเป็นกำลังใจให้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
การที่มีอารมณ์เศร้า ร้องไห้บ่อยๆ อาจเป็นปัญหาด้านสุขภาพจิต จากอาการอาจเข้าข่ายภาวะซึมเศร้าได้ค่ะ ซึ่งสาเหตุหลักของโรคซึมเศร้านั้นเกิดจากความผิดปกติของการหลั่งสารเคมีในสมอง ทำให้ความคิด อารมณืและพฤติกรรมผิดปกติได้ค่ะ
เบื้องต้นหนูลองทำแบบประเมินภาวะซึมเศร้าด้วยตัวเอง ดูก่อนก็ได้ค่ะ
โดยให้สำรวจอาการภายในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมารวมวันนี้มีอาการเหล่านี้มากน้อยเพียงใด โดยให้คะแนนแต่ละอาการดังนี้
ไม่มีเลย 0 คะแนน
มี 1-7วัน 1 คะแนน
มากกว่า 7 วัน 2 คะแนน
ทุกวัน 3 คะแนน
ลักษณะอาการในช่วง 2 สัปดาห์
1. เบื่อหน่าย ไม่สนใจอยากจะทำอะไร
2. ไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้
3. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
4. เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย
5. เบื่ออาหาร หรือ กินได้มาก กินจุบจิบตลอดเวลา
6. รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าล้มเหลว หรือคิดว่าทำให้ตนเองและครอบครัวต้องผิดหวัง
7. ขาดสมาธิ เหม่อลอย ขี้ลืมบ่อย
8. ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
9. คิดทำร้ายตัวเอง อยากตาย หรือตายไปจะดีกว่า
รวมคะแนน หากคะแนนรวมมากกว่า 7 คะแนนขึ้นไป ควรพบจิตแพทย์นะคะ หากไม่กล้าบอกใคร หนูสามารถเข้าพบขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ได้ด้วยตัวเองค่ะ ให้คุณหมอประเมินอาการเพิ่มเติม หากจำเป้นต้องรักษาก็ต้องรักษาไปตามแนวทางซึ่งการรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดีคือการรักษาด้วยยาร่วมกับการทำจิตบำบัดเพื่อคลี่คลายปมปัญหานั้นๆค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หนูลองทำวิธีพวกนี้เเล้วอาการของหนูยังไม่ดีขึ้นเลย หนูอายุแค่ 12 เองค่ะ แต่อาการจะเป็นตอนกลางคืน หนูจะร้องไห้คิดแต่เรื่องเก่าๆเศร้าๆในอดีต มันทำให้หนูไป รร. สาย นอนไม่พอเพียง เป็นงี้จะ 1 ปีแล้ว หนูไม่กล้านำเรื่องนี้ไปบอกคุณแม่ เพราะเดี๋ยวเค้าจะหาว่าหนูเรียกร้องความสนใจ หนูไม่กล้าบอกเพื่อนสนิทเพราะเค้าคิดว่า มันเป็นโรคเรียกร้องความสนใจ หนูควรทำไงดีคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)