July 09, 2019 09:42
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
หมายถึงเพิ่งฉีดยาคุมมาหรือเปล่าครับ
ถ้าใช่ การฉีดยาคุมจะเริ่มออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ใน 2 กรณีดังนี้ครับ
1. ถ้าฉีดยาคุมภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน ยาคุมก็จะเริ่มออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรก
2. ถ้าหากฉีดยคุมช้ากว่า 7 วันแรกของการมีประจำเดือนก็จะต้องรอ 7 วันก่อนยาคุมจึงจะเริ่มออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ และในช่วง 7 วันแรกหลังฉีดยาคุมก็จะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อนครับ
ถ้าหากในกรณีนี้ไม่ได้ฉีดยาคุมภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือนหมอก็แนะนำให้หายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
แต่ถ้าหากได้ฉีดยาคุมภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือนยาคุมก็จะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้แล้วทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3-3% เท่านั้น ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
การเริ่มฉีดยาคุม
-เริ่มใช้เข็มแรกภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้เลย มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในได้ไม่ต้องใช้ถุงยางครับ
- เริ่มใช้เข็มแรกหลังจากช่วง7วันเเรกของประจำเดือน ต้องมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ (เช่น หลังจากมีประจำเดือนล่าสุดจนถึงวันที่จะฉีดยา ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์) หลังฉีดจะยังไม่มีผลคุมกำเนิด ต้องงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนหรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปอีก 7 วันหลังฉีดยาครับ
ส่วนกรณีถ้าเคยฉีดต่อเนื่องมาก่อนฉีดเข็มถัดๆไปตรงเวลา ก็มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องครับ
หลักๆจะมียาฉีดสองเเบบคือ เเบบสามเดือน(ฮอร์โมนเดี่ยว) กับแบบหนึ่งเดือน(ฮอร์โมนรวมครับ)
กรณีเป็นฮอร์โมนเดี่ยว(โปรเจสเตอโรน)ส่วนใหญ่ฉีดทุกสามเดือนครับ อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอย ประจำเดือนไม่มา น้ำหนักขึ้นได้ หากหยุดฉีดกว่าจะกลับมาตกไข่ มีลูกได้ใช้เวลาประมาณ10-12เดือนครับ
ส่วนฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจน+โปรเจสเตอโรน) จะฉีดทุก1เดือน หลังฉีด วันที่21เป็นต้นไป จะมีเลือดประจำเดือนตามรอบได้ครับ (คล้ายกินยาคุมแบบเเผง)
เเบบฮอร์โมนรวมถ้าหยุดฉีด เดือนถัดไป ไข่ตก มีลูกได้ตามรอบครับ
การฉีดยาคุมรายสามเดือน ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือ เลือดประจำเดือนออกกระปริบกระปรอยครับ บางคนฉีดไปนานๆ ประจำเดือนจะหายไปได้ ครับ หลังหยุดฉีดยา กว่าไข่จะตกมีประจำเดือนปกติได้ จะประมาณ9-12เดือนครับ(ดังนั้นหลังหยุดฉีด จะกลับมาท้องได้ช้ากว่าชนิดฉีดทุก1เดือน) ครับ
ยกเว้น ถ้าเลือดออกมากชุ่มผ้าอนามัยหลายเเผ่น ปวดท้องน้อย ปวดช่องคลอด มีหน้ามืดใจสั่น เเบบนี้ผิดปกติควรไปพบเเพทย์ครับ เพื่อตรวจภายในหาสาเหตุอื่นครับ
อาการอื่นๆ ที่พบได้ เช่น ปวดศีรษะ, ปวดท้องน้อยและปวดประจำเดือน, เป็นสิว เป็นต้นครับ
หรือ ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฉีดทุกหนึ่งเดือน ซึ่งเป็นฮอร์โมนรวม ก็จะมีผลข้างเคียงเหมือนยาคุมเเบบเเผงรายเดือนครับ เช่น คลื่นไส้อาเจียน คัดเต้านม เวียนหัว เเต่จะมีประจำเดือนตามรอบ หยุดฉีดเเล้วกลับมาตกไข่ มีประจำเดือนได้เร็วครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ฉีดยาแล้ว วันต่อมามีเพศสัมพันเลยแล้วมันเป็นอะไรไหม่ค่ะ กังวลใจมากกลัวตั้งครรส์ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)