August 09, 2018 20:36
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
1.เริมกับHIV เชื้อคนละตัวครับ เริม วินิจฉัยจากลักษณะผื่นเเละการขูดน้ำในตุ่มไปตรวจ ส่วนHIV
หลังจากมีพฤติกรรมเเสี่ยงประมาณ 5-7 วัน ก็สามารถไปตรวจได้ครับ เช่นที่ คลินิคนิรนาม
หรือ รพ รัฐ เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ตรวจได้เกือบหมดครับ
โดย หลังจากได้รับเชื้อ ในช่วงแรก สารพันธุกรรมของไวรัส (RNA และ DNA) ก็แบ่งตัวจะขยายจำนวนเพิ่มขึ้นจนมากพอที่เราสามารถใช้เทคนิคที่เรียกว่า NAAT (nucleic acid amplification testing) ตรวจได้หลังมีพฤติกรรมเสี่ยง 5-7 วัน
หลังจากนั้นจะมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย เช่น ตรวจหาAntigen(p24) Antibodyซึ่งคือภูมิคุ้มกันที่ร่างกายมีต่อเชื้อ(Anti HIV) ซึ่งมักตรวจได้หลังรับเชื้อประมาณ 1 เดือนขึ้นไปครับ
2.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส เริม HPV HIV ไวรัสตับอักเสบB ซึ่งหลายโรคในนี้ก่อนบริจาคเลือดจะมีการคัดกรองอยู่เเล้ว ถ้าผลเลือดติดเชื้อก็บริจาคไม่ได้ครับ
3.ถ้าเรื่องเริมถึงหายเเล้ว เชื้อจะไปอยู่ในปมประสาท เวลาร่างกายอ่อนเเอจะเป็นเริมได้อีกครับ แต่ตุ่มจะน้อยกว่าครั้งเเรก เเละจะเกิดใกล้เคียงที่เดิมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
1. การเป็นเริมไม่มีผลต่อการตรวจเลือดเพื่อหาการติดเชื้อ HIV ครับ เนื่องจากเป็นเชื้อคนละชนิดกัน ในปัจจุบันสามารถตรวจหาการติดเชื้อHIVพบได้ตั้งแต่หลังได้รับความเสี่ยง 2-4 สัปดาห์ และถ้าผลเป็นลบก็อาจต้องตรวจยืนยันอีกครั้งที่ 3 เดือนครับ
2. ผลตรวจVDRLเพื่อหาการติดเชื้อซิฟิลิส จะเริ่มตรวจพบได้หลังได้รับเชื้อมาประมาณ 3-5 สัปดาห์ครับ
3. เนื่องจากเริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การเป็นเริมจึงถือว่ามีความเสี่ยงที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นมาได้ด้วย เช่น HIV ซิฟิลิส หนองใน ไวรัสตับเสบบี ไวรัสตับอักเสบซี
4. หลังตุ่มเริมหายตัวเชื้อไวรัสจะหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทในร่างกาย แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเลือด จึงยังสามารถบริจาคเลือดได้อยู่ครับ แต่ถ้ามีการติดเชื้อHIV ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี/ซี ก็ไม่สามารถบริจาคเลือดได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ในส่วนของไวรัสตับบี เพิ่งกระตุ้นภูมิไปตอนต้นปี HPVเพิ่งฉีดวัคซีนเข็มสุดท้ายเดือนมีนาค่ะ ยังต้องตรวจอีกไหมคะ และตรวจได้เมื่อไรคะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ในส่วนของไวรัสตับอักเสบบีและHPV ถ้าไกด้ฉีดวัคซีนไปแล้วก็ถือว่ามีความปลอดภัยมากขึ้นที่จะไม่ติดเชื้อครับ
แต่แนะนำว่าควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
- ตรวจเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ถ้าตรวจพบว่ามีภูมิคุ้มกันแล้วก็ปลอดภัยจากการติดเชื้อครับ
- ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี เนื่องจากในวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกนั้น มีตัวอย่างเชื้อHPVอยู่แค่บางชนิดเท่านั้น จึงยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อHPVชนิดที่วัคซีนไม่ครอบคลุมได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สำหรับไวรัสตับซี หนูสามารถตรวจได้เลยไหมคะหรือควรเว้นระยะแค่ไหนหลังเสี่ยงถึงตรวจได้ และหากติกเชื้อไวรัสตับC อาการเป็ยอย่างไรและสามารถรักษาหายขาดไหมคะ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ในเบื้องต้นอาจลองตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซีดูได้เลยครับ เนื่องจากได้มีเพศสัมพันธ์มานานระยะหนึ่งแล้ว แต่ถ้าตรวจแล้วไม่พบการติดเชื้อก็อาจต้องตรวจยืนยันอีกครั้งที่ประมาณ 1-2 เดือนหลังการตรวจครั้งแรก
ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่นั้นจะไม่มีอาการ แต่จะสามารถทราบได้จากการตรวจเลือดเท่านั้น
ในกรณีที่ที่มีอาการของไวรัสตับอักเสบซีแบบเฉียบพลันจะทำให้มีอาการ คือ มีไข้ ปวดท้องใต้ชายโครงขวา ตัวเหลือง ตาเหลือง ตรวจเลือดพบการอักเสบของตับได้
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนั้น จะมีผู้ป่วยบางส่วนที่หายขาด ขณะที่บางส่วนจะยังคงมีการติดเชื้อเรื้อรังต่อไปได้ครับ ในกรณีที่ตรวจพบการติดเชื้อจึงจะต้องมีการนัดมาติดตามผลเลือดเป็นระยะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สืบเนื่องจากหนูมีอะไรกับแฟนทางทวารโดยไม่ได้ป้องกันและเเฟนสำเร็จความใคร่ วันถัดมาหนูมีประจำเดือนแต่มาน้อยเนื่องจากทานยาคุม หนูมีsexกับแฟนทั้งทางด้านหน้าและหลัง ถุงยางเกิดขาดแต่ไม่แน่ใจว่าขาดตอนไหน หลังจากเราไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กัน 1 อาทิตย์ หนูมีอาการปัสสาวะแสบขัด จึงไปหาหมอปรากดว่าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ แต่แฟนหนูไม่มีบาดแผลของเริมเลยเดาว่าน่าจะเป็นพาหะ ด้วยความที้หนูกับแฟนอยู่กันคนละที่ เลยกังวลเรื่องโรคติดต่อเพราัตอนนี้หนูเป็นเริมที้อวัยวะเพศ ขออนุญาตสอบถามค่ะ 1. ถ้าเราเป็นเริมที่อวัยวะเพศ ควรรอให้หายนานแค่ไหนคะถึงจะตรวจanti hivได้ เพราะเริมเป็นไวรัส อย่างนี้การตรวจจะมีผลกับตอนตรวจanti hivไหมคะ 2.ผลvrdl ตรวจได้เมื่อไรหลังเสี่ยงและต้องตรวจซ้ำไหมคะ 3.หนูเป็นเริมตอนนี้เท่ากับก่อนนี้ที้ไม่ได้ป้องกัน หนูเสี่ยงโรคอะไรและควรตรวจอะไรบ้างคะ กลัวมากค่ะ แล้วหนูจะเป็นHIV ไหมคะเพราะเป็นเริมอยู่ 4.หลังจากหายเริมแล้ว ผลเลือดเราจะปกติไหมคะ หรือต้องทานยาตลอดและสามารถบริจาคเลือดได้ไหมคะ รบกวนด้วยค่ะ หนูไม่เคยเป็นโรคเลยไม่ว่าจะที่บริเวณไหนของร่างกาย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)