เคยเป็นโรคซึมเศร้าและเคยไปพบหมอแต่ด้วยเวลาที่ไม่ว่างก็เลยไม่ได้ไป และช่วงนี้เจอเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกแล้วร้องไห้ตลอดได้ยินเสียงเห็นภาพที่ทำร้ายจิตใจ รู้สึกระแวงคนรอบข้างไปหมด รู้สึกแย่อยากเล่าให้เพื่อนสนิทฟังแต่ก็ไม่กล้าเล่า กลัวจะโดนหักหลังคือหมดความไว้ใจ แม้กระทั้งครอบครัว (อาจจะยาวหน่อยนะคะ)

โรคซึมเศร้านั้นเกิดจากการทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ ทำให้เกิดอารมณ์เศร้าและความคิดในแง่ลบต่างๆขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ การรักษาโรคซึมเศร้าจึงต้องมีการใช้ยาเพื่อปรับการทำงานของสารเคมีในสมองครับ

โดยปกติแล้วเมื่อเป็นโรคซึมเศร้าครั้งหนึ่งจะต้องได้รับการรักษาโดยการรับประทานยาต่อเนื่องนานอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้การทำงานของสารเคมีในสมองกลับเข้าสู่สมดุลตามปกติ การรับประทานยาในระยะเวลาที่นานไม่เพียงพอหรือมีการหยุดยาอย่างกระทันหันจะส่งผลให้โรคกลับเป็นซ้ำได้ง่ายและไม่หายขาดครับ

ในตอนนี้หมอแนะนำว่าควรกลับไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อเนื่องอีกครั้งครับ เพราะในเบื้องต้นควรจะได้รับยามาเพื่อปรับการทำงานของสารเคมีในสมองให้อารมณ์ดีขึ้นก่อน เมื่ออารมณ์ดีขึ้นแล้วความคิดต่างๆก็จะเริ่มดีขึ้น และการแก้ปัญหาที่ดีขึ้นก็จะตามมาครับ

อาจจะเป็นโรคเดิมกำเริบได้ค่ะ โรคซึมเศร้ามักมีอาการท้อแท้ เบื่อหน่ายชีวิต ไม่อยากทำอะไร/นอนมาก/หรือนอนไม่หลับเลย ทำสิ่งที่เคยทำแล้วสนุกแต่ปัจจุบันทำแล้วไม่สนุกแบบเดิม อยากฆ่าตัวตาย ซึ่งสามารถเข้าได้กับอาการโรคซึมเศร้า
โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมารวมวันนี้มีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ให้คะแนนแต่ละข้อดังนี้ 
ไม่มีเลย 0 คะแนน
มี 1-7วัน 1 คะแนน
มากกว่า 7 วัน 2 คะแนน
ทุกวัน 3 คะแนน 
ลักษณะอาการ  
1.เบื่อหน่าย ไม่สนใจอยากจะทำอะไร  
2.ไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้  
3.หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป  
4.เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย  
5.เบื่ออาหาร หรือ กินได้มาก กินจุบจิบตลอดเวลา  
6.รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าล้มเหลว หรือคิดว่าทำให้ตนเองและครอบครัวต้องผิดหวัง  
7.ขาดสมาธิ เหม่อลอย ขี้ลืมบ่อย  
8.ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้  
9.คิดทำร้ายตัวเอง อยากตาย หรือตายไปจะดีกว่า 
หากคะแนน เกิน 7คะแนน มีแนวโน้มที่จะเป็นซึมเศร้า 
หมออยากให้ไปพบจิตแพทย์ใกล้บ้านเพื่อขอคำแนะนำและการปรับยาต้านเศร้าเพื่อแก้ไขความผิดปกติของสารสื่อประสาทให้ดีขึ้นค่ะ อาการของหนูจะดีขึ้นนะคะ หมอเป็นกำลังใจให้หนูนะคะ
หากหนูต้องการระบาย อาจพูดกับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ แม้ว่าท่านอาจจะให้คำปรึกษาได้ไม่ตรงใจเราเท่าเพื่อน แต่แน่นอนที่สุดคือท่านจะไม่ทำร้ายหนูแน่นอนค่ะ หรือหสกต้องการปรึกษาจริงๆหมอแนะนำสายด่วนสุขภาพจิต 1323ค่ะ

การที่ขาดยา และ ไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่อง อาจทำให้โรคซึมเศร้ากลับเป็นซ้ำได้นะคะ นอกจากนั้นโรคอาจพัฒนารุนแรงจนอาจมีอาการทางจิตร่วมด้วยได้ ก่อนที่อาการจะรุนแรงมากกว่านี้ แนะนำให้กลับไปพบจิตแพทย์เพื่อเริ่มทำการรักษาใหม่อีกครั้งนะคะ ในระหว่างทำการรักษาควรทานยาให้สม่ำเสมอ พบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ไม่ปรับยาหรือหยุดยาเองเด็ดขาด ต้องให้จิตแพทย์เป็นผู้ปรับให้เท่านั้น เมื่ออาการดีขึ้นจิตแพทย์จะทยอยปรับยาให้เองนะคะ หากมีเรื่องทุกข์ใจสามารถปรึกษาและพูดคุยกับคุณหมอหรือนักจิตฯ ก็ได้ค่ะ

การผ่อนคลความเครียดด้วยการดูหนังที่มีเนื้อหาที่รุนแรงอาจไม่ใช่วิธีการผ่อนคลายที่ดีที่สุดครับ เพราะการดูหนังที่มีเนื้อหาในลักษณะนี้จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียด มีความตึงตัวของกล้ามเนื้อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้อาจไม่เกิดการผ่อนคลายในระดับที่ดีมากนัก

การผ่อนคลายความเครียดและอารมณ์เศร้าที่ดีนั้น หมอแนะนำให้ใช้วิธีที่ทำให้เกิดบรรยากาศสบายๆและผ่อนคลายจะดีกว่าครับ
ตัวอย่างวิธีการผ่อนคลายความเครียดที่แนะนำ เช่น
- การออกกำลังกาย
- การพูดคุยระบายความในใจออกมากับบุคคลที่ไว้ใจได้
- การเบี่ยงเบนความคิดตนเองให้ไปสนใจกับสิ่งอื่น เช่น ฟังเพลงสบายๆ อ่านหนังสือ ดูหนังที่มีเนื้อหาที่ผ่อนคลายเบาสมอง
- สูดหายใจเข้า-ออกช้าๆลึกๆเป็นจังหวะไปเรื่อยๆ
- เกร็งและคลายกล้ามเนื้อทีละส่วนไปเรื่อยๆจนทั่วร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้รับรู้ความรู้สึกผ่อนคลายในช่วงที่กล้ามเนื้อคลายตัว

วิธีการเหล่านี้จะใช้วิธีการใดหรือใช้หลายวิธีร่วมกันก็ได้ครับ ขอเพียงแค่ให้เป็นวิธีที่ใช้แล้วรู้สึกเหมาะสมกับตนเอง ช่วยให้ผ่อนคลายได้มาก

การจัดการความเครียดด้วยการดูหนังไล่ฆ่า ถือว่าเป็นวิธีการจัดการความเครียดที่ไม่เหมาะสมนะคะ เนื่องจากอาจเป็นตัวกระตุ้นทำให้เรามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เกิดการเลียนแบบหรือลงมือกระทำจริงเมื่อควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งจะเกิดผลกระทบมากมายตามมา ดังนั้นวิธีการเบื้องต้นควรพบจิตแพทย์ เข้ารับการรักษาด้วยยา แล้ว อาจเข้าคอร์ดจิตบำบัดควบคู่กันไปด้วย จะเป็นการรักษาที่เหมาะสมและดีกว่านะคะ