วันที่5พ.ค หนูมีเพศสัมพันธ์กับแฟนครั้งแรกแบบสวมถุงยางแต่ไม่แน่ใจว่ารั่วหรือขาดไหม แล้วหนูก็กินยาคุมฉุกเฉินแต่ว่าช้ากว่า24ชมไปนิดนึงหลังจากกินไปวันที่12พ.คถึง16พ.ค ก็มีประจำเดือนมาหลังหมดประจำเดือนหนูก็กินยาคุมแบบแผงกินได้3เม็ดแล้ววันที่19พ.คก็มีอะไรกับแฟนแบบใส่ถุงยางแต่ก็ไม่ได้เช็คถุงยางเหมือนเดิมค่ะแล้วครั้งนี้ก็ไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉินค่ะแต่กินยาคุมแบบแผงต่อกินได้2อาทิตย์ก่อนที่ยาคุมจะหมดวันที่3มิ.ย.ก็มีเลือดออกมาเยอะเหมือนจะเป็นประจำเดือน หนูมีโอกาสท้องไหมคะ ปกติเป็นคนที่ประจำเดือนไม่ค่อยมาหรือไม่มาเลยก็ว่าได้ค่ะต้องกินยาให้ประจำเดือนมา ประจำเดือนมาแล้วก็ไม่ท้องแล้วใช่ไหมคะ แล้วอาการคนท้องเดือนแรกต้องมีอาการอะไรบ้างหรอคะ ตอนนี้กังวลมากๆเลยค่ะช่วยให้คำปรึกษาทีนะคะ เครียดกังวลจนไม่มีจิตใจจะทำไรแล้วค่ะคุณหมอ

สวัสดีค่ะ หากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ในช่วงที่ฝ่ายหญิงไม่มีการตกไข่ร่วมกับใช้ถุงยางอนามัยและมั่นใจว่าไม่รั่ว หรือแตก โอกาสตั้งครรภ์นั้นถือว่าต่ำได้ค่ะ ส่วนการรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพต้องรับประทานในเวลาที่กำหนด คือภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ช่วยคุมกำเนิดได้ค่ะ แต่ไม่ได้การันตี 100 เปอร์เซนว่าจะไม่ตั้งครรภ์ค่ะ ทั้งนี้ยาคุมฉุกเฉินจะมีฤทธิ์ยับยั้ง การฝังตัวของตัวอ่อน ทำให้เยื่อบุโพรงมดลดไม่เหมาะสมสำหรับการฝังตัว เป็นต้นค่ะ

เลือดที่ออกมาจากช่องคลอดเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น เป็นประจำเดือน เกิดจากผลข้างเคียงของฮอร์โมนคุมกำเนิด หรืออาจเกิดจากการตั้งครรภ์ร่วมกับมีภาวะแท้งคุกคาม หากกังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้หลังมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 3-4 สัปดาห์ค่ะ

1. การทานยาคุมฉุกเฉิน แนะนำให้ทานเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง และเม็ดถัดไปภายใน12 ชั่วโมง หลังจากเม็ดแรก จะมีเลือดออกหลังจากทาน 3-4วัน ค่ะ และจะมีประจำเดือนตามรอบเดือนปกติ
**จากที่เล่ามาผู้สอบถามน่าจะกินได้ถูกต้องแล้วค่ะ
2. ยาคุมกำเนิดแผง 21หริอ 28เม็ด จะแนะนำให้ทานเม็ดแรกภานในวันที่1-5ของการมีประจำเดือน จะสามารถคุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดค่ะ แต่หากไม่ได้ทานในวันดังกล่าว แนะนำให้คุมกำเนิดแบบอื่นร่วมด้วย
**จากที่เล่ามา ผู้สอบถามได้ใช้ถุงยางร่วมด้วย น่าจะป้องกันได้เพิ่มระดับหนึ่ง

****แนะนำว่าให้ผู้สอบถามตรวจการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย14วันค่ะเพื่อความมั่นใจ แต่คาดว่าที่เล่ามาไม่น่าจะท้องค่ะ ในผู้สอบถามทำใจให้สบายค่ะ ประจำเดือนจะได้ไม่คลาดเคลื่อน โดยประจำเดือนจะมาในช่วงที่ยาหมดแผง(สำหรับ21เม็ด) หรือมาในช่วง7เม็ดสุดท้ายสำหรับ28เม็ดค่ะ

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ยิ่งกินเร็วเท่าไหร่ หลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งดีค่ะ โดยตามหลักการ ให้กินยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันยืดหยุ่นให้ถึง 100 ชั่วโมงแล้วค่ะ

อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉิน ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ดีไม่เท่า การคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ เช่น การกินยาคุมปกติค่ะ (ยาคุมปกติ ถ้ากินถูกวิธี ประสิทธิภาพคุมกำเนิด มากกว่า 90 % แต่คุมฉุกเฉิน อาจจะแค่ประมาณ 80% - 85%

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ แนะนำใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นค่ะ ใช้ยาคุมฉุกเฉิน เมื่อจำเป็นเท่านั้น

ในกรณีของคุณ ใช้ยาคุมฉุกเฉิน ร่วมกับ ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้วค่ะ โอกาสตั้งครรภ์น้อยมากค่ะ ปกติถุงยางอนามัยอย่างเดียว ถ้าใช้อย่างถูกวิธี คุมกำเนิดได้มากกว่า 95% ค่ะ

ยาคุมฉุกเฉิน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงขนาดสูงค่ะ สูงกว่าระดับธรรมชาติในร่างกาย หลังได้รับไปแล้วจะทำให้รอบเดือนแปรปรวนได้ค่ะ อาจจะบอกยากว่า เมนส์จะมาเมื่อไหร่ อาจมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้ค่ะ

อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใด คุมได้ 100% ค่ะ หลังมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน ลองซื้อที่ตรวจปัสสาวะตรวจการตั้งครรภ์ มาตรวจดูอีกทีค่ะ

ถ้าหมดแผง แล้วประจำเดือนมา ก็ไม่ตั้งครรภ์ค่ะ ถ้าตั้งครรภ์ ประจำเดือนจะไม่มาค่ะ

อาการปวดบริเวณท้อง เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ

ถ้าเป็นบริเวณท้องน้อย จะเกิดได้จาก
1. ลำไส้ใหญ่
2. กระเพาะปัสสาวะ และ ระบบสืบพันธุ์
3. ปวดกล้ามเนื้อ หน้าท้อง

การจะแยกว่า เกิดจากอะไรนั้น ต้องดูจากลักษณะที่ปวดค่ะ

เช่น ถ้าปวดเป็นพักๆ ปวดมาก สลับ ปวดน้อย หายปวด ไม่กี่นาที กลีบมาปวดใหม่ ลักษณะแบบนี้ เหมือนอาการของลำไส้ มักมีการขับถ่ายผิดปกติร่วมด้วย

ถ้าปวด ร่วมกับ ปัสสาวะผิดปกติ เช่น แสบขัด มักเกิดจากทางเดินปัสสาวะ

ถ้าปวด และปวดมากขึ้น เวลาขยับ มักเป็นอาการปวด ของกล้ามเนื้อค่ะ

อย่างไรก็ตาม ถ้าอาการปวด ไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไร ควรไปพบแพทย์ค่ะ เพราะส่วนใหญ่ต้องการๆตรวจร่างกายร่วมด้วย

ค่ะ ไม่น่าจะตั้งครรภ์ค่ะ