September 27, 2018 12:50
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
อาการเจ็บป่วยบางอย่างอาจมีผลต่อความคลาดเคลื่อนของประจำเดือนได้ครับ
อย่างไรก็ตามถ้าหากสงสัยว่าตัวเองอาจมีการตั้งครรภ์ได้เมื่อมีการขาดประจำเดือนไปก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจครับ ถ้าตรวจตามนี้แล้วก็จะเชื่อถือผลตรวจได้ 97-99% ครับ
ถ้าหากไม่มีการตั้งครรภ์สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ความเครียด
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
และในกรณีนี้ก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้ครับ ยกเว้นประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
ส่วนที่มีอาการท้องเสียนั้นถ้าหากเป็นมา 2-3 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาเพิ่มเติมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
สุพิชชา แสงทองพราว (พญ.)
สวัสดีค่ะ หากมีเพศสัมพันธ์ตามปกติ ไม่ได้คุมกำเนิด การขาดประจำเดือน ก็อาจเกิดจากการตั้งครรภ์ได้ค่ะ
แนะนำให้ทดสอบการตั้งครรภ์ดูก่อน หากไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์ อาการขาดประจำเดือน อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้ค่ะ เช่น
- ความผิดปกติของการตกไข่ การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ หรือไม่ตกในเดือนนั้น ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนหรือมาผิดปกติได้
-โรคถุงน้ำรังไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ และขาดประจำเดือนได้
- ความแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกาย ที่มีผลต่อการตกไข่
- การออกกำลังกายหนักจนเกินไป
- ความเครียด
- การที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือลดลงอย่างรวดเร็ว
- โรคความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์ เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ มักพบอาการร่วมด้วยเช่น เหนื่อยง่าย ใจสั่น น้ำหนักลง หรือไทรอยด์ต่ำ อาการร่วมที่พบได้คือ อ่อนเพลีย น้ำหนักขึ้น ท้องผูก เป็นต้น
หากประจำเดือนขาดไปนานกว่า 1-2 เดือน โดยไม่พบการตั้งครรภ์ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่ถูกต้องค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แล้ววันนี้เหมือนมีอาการของกรดไหลย้อน มาร้วมด้วยอ่ะคะ จุกแน่น เหมือนจะอาเจียน หลังทานอาหารเช้า มันจะแย่ลงกว่านี้ไหมคะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
สุพิชชา แสงทองพราว (พญ.)
อาการของกรดไหลย้อน จะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการรับประทานอาหารค่ะ ต้องปรับพฤติกรรมและลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กระตุ้นให้อาการกำเริบ ได้แก่
- งดเครื่องดื่มมีคาเฟอีน ชา กาแฟ น้ำอัดลม เคื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ทานอาหารให้ตรงเวลา เคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
- ไม่ควรนอนหรือเอนตัวหลังรับประทานอาหารอิ่มใหม่ๆ เนื่องจาก อาหารจะยังอยู่ในกระเพาะก่อนจะลงไปที่ลำไส้ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง หากทานเสร็จแล้วนอน จะทำให้อาหารรวมทั้งกรด ท้นขึ้นมาที่หลอดอาหาร จึงทำให้เกิดอาการของโรคกรดไหลย้อนขึ้น
- งดอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ทานอาหารย่อยง่ายเช่น ปลา ไก่ ทานผักเป็นประจำ
- งดทานมื้อดึก และไม่ทานจนอิ่มมากเกินไป
- ความเครียดมีผลทำให้กรดในกระเพาะหลั่งออกมามากขึ้น จึงมีอาการแสบท้องได้ค่ะ
- หากมีภาวะอ้วน ควรลดน้ำหนัก เนื่องจากโรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของกรดไหลย้อนค่ะ
- ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อช่วยปรับสมดุลของระบบย่อยอาหาร
หากอาการเป็นมาก แนะนำให้ไปพบแพทย์ค่ะสามารถใช้ยากลุ่มลดกรดในกระเพาะเช่น มิราซิด(Miracid) ยาช่วยย่อย ยาขับลมแก้ท้องอืด(Air-x) ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน หากมีอาการ เพื่อช่วยบรรเทาอาการก่อนได้ค่ะ
โดยทั่วไปแล้วการรักษากรดไหลย้อน ด้วยยารับประทาน ควบคู่กับการปรับพฤติกรรม อาการจะค่อยๆดีขึ้นและจะหายได้ประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
อาการเดียวกันเลยคะตอนนี้ แต่ตรวจแล้วไม่เจอคะ ตรวจเอง
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ประจำเดือนไม่มา ประมาณ 1 สัปดาห์ คะ แต่ปวดท้อง ปวดเมื่อยตามตัวปกติ เหมือนตอนมีปจด.จะมา แต่ไม่ไหล มันมีความรู้สึกเหมือนจะมีอะไรไหล แต่ไปดูเป็นตกขาวคะ และมีอาการท้องเสียด้วยคะ มีโอกาส ท้องหรือป่าวคะ หรืออาจจะเป้นเพราะความเคลียด มีอาการแบบนี้มา 2 วันแล้วคะ ที่ปวดท้องและท้องเสีย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)