ผมมีอาการที่บางครั้งความคิดติดวนเวียนอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ เช่น เวลาเขียน “พ” แล้วมันไม่แบ่งตรงกลางบาลานซ์เท่าๆกันแล้วรู้สึกยุกยิกในหัวขึ้นมา แม้จะเขียนผ่านมันไปแล้วก็ต้องกลับมาแก้ไขมัน ลบแล้วเขียนใหม่ มิฉะนั้นจะไม่สามารถเลิกคิดได้ หรือการเขียนวงกลมแล้วมันไม่กลม ก็เป็นแบบเดียวกัน หรือในกรณีล่าสุดเล่นเกมส์คล้ายเกมส์การ์ดแบบหนึ่ง มีตาของเราที่เราเล่นแล้วกลับจำตาเล่นตานั้นตลอด ไม่สามารถผ่านตานั้นไปได้ จนทำให้นอนไม่หลับ เวลาจะหลับ มันจะวนเวียนอยู่ในหัว เมื่อก่อนก็คิดว่าไม่มาก เช่นการเขียน เราสามารถลบแล้วเขียนใหม่ได้ แต่ที่เกิดล่าสุด ทำให้ผมไม่สามารถนอนหลับได้ ลักษณะแบบนี้เป็นแบบโรคย้ำคิดหรือไม่ครับ ถ้าใช่ผมควรแก้ไขหรือรักษาอย่างไร หรือควรไปปรึกษาจิตแพทย์

จากอาการที่เล่ามานั้นเข้าได้กับอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำครับ

อาการของโรคย้ำคิดย้ำทำนั้นประกอบด้วย
- อาการย้ำคิด เป็นอาการที่ผู้ที่เป็นโรคจะมีความคิดหรือภาพต่างๆเข้ามาในหัวอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้เกิดความเครียดความกังวลต่อความคิดเหล่านั้น
- อาการย้ำทำ อาการนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นเพื่อจัดการกับอาการย้ำคิด โดยจะมีการทำพฤติกรรมบางอย่างเพื่อตอบสนองกับอาการย้ำคิดที่เกิดขึ้น เพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจขึ้น
ซึ่งผลของอาการย้ำคิดและย้ำทำนี้ส่งผลให้เกิดการเสียเวลา จนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน หรือการทำงาน

การรักษาโรคย้ำคิดย้ำทำนั้นสามารถทำได้โดยการทำจิตบำบัด ฝึกการจัดการความคิด ร่วมกับอาจต้องรับประทานยาเพื่อลดความกังวลในคนที่มีอาการรุนแรงมาก
แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์เพื่อประเมินอาการและให้การรักษาที่เหมาะสมครับ

หมอว่าจากที่อ่านมาอาการค่อนข้างเข้าได้กับโรคอาการย้ำคิดย้ำทำ (OCD) ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ มีอาการย้ำคิดและย้ำทำที่มากจนทำให้ทุกข์ทรมาน โดยพยายามเลิกหรือต่อต้านต่ออาการ เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับอาการที่เกิดขึ้น
•อาการย้ำคิด (obsession) เป็นความคิด ความรู้สึก หรือจินตนาการ ที่มักผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ตนเองก็ทราบว่าเป็นความคิดที่เหลวไหล ไม่เข้าใจว่าเกิดความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร รู้สึกรำคาญต่อความคิดนี้ เช่น มีความคิดจะจุดไฟเผาบ้าน คิดว่ามือสกปรก คิดด่าทอพระพุทธรูปที่ตนเคารพ โดยจะรู้สึกผิดต่อความคิดที่เกิดขึ้น มีความกังวลใจ พยายามที่จะไม่ใส่ใจ หรือเลิกคิด บางครั้งอาจแก้หรือหักลัางความคิดนี้ด้วยความคิดหรือการกระทำต่างๆ เช่น ถ้าคิดว่าไม่ได้ปิดแก๊ส ก็จะตรวจเช็คเตาแก๊สวันละหลายๆ ครั้ง ไปล้างมือเมื่อคิดว่าสกปรก หรือท่องนะโมในใจทุกครั้งที่คิดในทางไม่ดีต่อพระพุทธรูป
•อาการย้ำทำ (compulsion) เป็นพฤติกรรมซ้ำๆ ที่กระทำขึ้น โดยเกี่ยวเนื่องกับความย้ำคิด หรือตามกฎเกณฑ์บางอย่างที่ตนกำหนดไว้ การที่มีพฤติกรรมนี้เพื่อหักล้างความคิดยำ้ในทางลบ หรือป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ตามที่ตนหวั่นเกรง อย่างไรก็ตามพฤติกรรมนั้นมักจะเกิดจากความคิดแบบเด็กๆ ซึ่งจะต่างไปจากแนวทางที่คนทั่วไปใช้ในการแก้ไขหรือป้องกันปัญหา
¤พฤติกรรมย้ำทำที่พบบ่อยได้แก่ ล้างมือ ตรวจเช็คสิ่งต่างๆ หรือนับจำนวน ( เช่นต้องหายใจเข้าออกครบเก้าครั้งก่อนเดินผ่านประตูทุกครั้ง )
ส่วนใหญ่จะพบอาการย้ำคิดร่วมกับย้ำทำ โดยพบร้อยละ 80 โดยที่เหลืออีกร้อยละ 20 มีแต่อาการย้ำคิด 46
คนเราปกติก็อาจมีความคิดหรือพฤติกรรรมเช่นนี้ได้ แต่ในผู้ป่วย OCD อาการเหล่านี้ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างมาก ซึ่งพยายามฝืนสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มักผืนไม่ได้ เสียเวลาไปกับความคิดหรือพฤติกรรมค่อนข้างมากในแต่ละวัน (มากเกินกว่าวันละ 1 ชั่วโมง)
โดยอาการจะเกิดขึ้นส่วนมาก ประมาณสองในสามเริ่มมีอาการก่อนอายุ 25 ปี อายุเฉลี่ยเมื่อเริ่มมีอาการ 20-22 ปี อาการมักเรื้อรัง โดยมากจะมีอาการมากเป็นช่วงๆ
การรักษาโรคนี้มีทั้งการใช้ยา และหลักสำคัญคือเรื่องพฤติกรรมบำบัดค่ะ โดยให้เผชิญกับสิ่งที่ทำให้กังวลใจและมิให้ตอบสนองย้ำทำตามที่เคยกระทำ ตัวอย่างเช่น หากเขียนตัวอักษรเบี้ยวก็ไม่ต้องแก้ค่ะ อาจจะให้มองอยู่ช่วงหนึ่งจึงอนุญาตให้แก้ได้แต่ต้องรอจนคุ้นชินว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ การฝึกจะทำตามลำดับขั้น เริ่มจากสิ่งที่รู้สึกกังวลน้อยไปหามาก และระยะเวลาอาจเริ่มจาก 10-15 นาที ไปจนเป็นชั่วโมง หากการรักษาได้ผลจะกังวลน้อยลงเรื่อยๆ จนสามารถคิดวิตกกังวลได้น้อยลงค่ะ
การรักษาโดยวิธีนี้ได้ผลค่อนข้างดี โดยพบว่าแม้หลังจากหยุดรักษาแล้วก็ยังคงผลอยู่นาน หากมีอาการก็มักไม่รุนแรงเท่าเดิม ผลการรักษาจะดีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ความชำนาญของผู้รักษา ความร่วมมือของผู้ที่มีอาการและครอบครัวของผู้ป่วยจะต้องให้ความร่วมมือด้วย เพราะนอกจากจะฝึกทำขณะพบผู้รักษาแล้วยังต้องฝึกที่บ้านต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

จากอาการดังกล่าวอาจเข้าข่ายโรคย้ำคิดย้ำทำได้ค่ะ นอกจากนั้นอาจเป็นความผิดปกติของบุคลิกภาพชนิดย้ำคิดย้ำทำหรือเพอร์เฟคชั่นนิสต์ ซึ่งอาการจะเป็นดังที่คุณหมอ 2 ท่านได้ให้ข้อมูลไปแล้วข้างต้น
การรักษา แนะนำให้พบจิตแพทย์ ประเมินอาการอีกครั้ง ให้คุณหมอวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด จากนั้นรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมซึ่งมีทั้งการใช้ยาปรับสารชีวเคมีในสมองให้สมดุล ร่วมกับการทำจิตบำบัดเพื่อปรับความคิดและพฤติกรรมค่ะ