July 02, 2019 21:32
สวัสดีค่ะ คำถามของคุณอาจกว้างเกินไป ทำให้คุณหมอไม่สามารถให้ความเห็นได้ กรุณาอธิบายอาการอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร บริเวณไหน เป็นมานานและถี่แค่ไหน รวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น เพศ อายุ ยาหรืออาหารเสริมที่ทานอยู่ เป็นต้น หรือคุณอาจค้นหาคำตอบคุณหมอ และกว่า 5,000 บทความสุขภาพในเว็บของเรา หากคุณถามเกี่ยวกับโรงพยาบาล คุณสามารถค้นหาข้อมูลติดต่อของโรงพยาบาลได้ที่นี่ หรือส่งอีเมลมาที่ [email protected] ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ตรงอยากจะลองให้คำอธิบายคร่าวๆไว้ 2 ประเด็น
ในประเด็นแรกคือจะเห็นได้ว่ามีปัญหาในเรื่องการอ่านในช่วงเด็กๆ แต่หลังจากนั้นมาการเรียนก็ไม่ได้มีปัญหาจนกระทั่งเข้าทำงานได้ แต่เริ่มมามีประเด็นเรื่องการถามตอบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผมอยากจะทราบเพิ่มเติมว่า เรื่องที่มีคนบอกว่าเราพูดไม่ตรงประเด็นนั้นเกิดขึ้นในช่วงเร็วๆนี้หรือว่าเกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ที่คุณเข้ามาทำงานครับ เพราะว่าหากการพูดไม่รู้เรื่องของคุณเป็นปัญหามานานแล้ว อะไรที่ทำให้คุณยังสามารถทำงานได้มาประมาณ 5 ปีแล้วครับ
ซึ่งคำตอบตรงนี้อาจจะเป็นตัวตัดสินได้ว่า หากคุณเพิ่งเริ่มมีปัญหาในการสื่อสารเร็วๆนี้ อาจจะต้องมาดูว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นเรื่องเนื้องานที่เปลี่ยนแปลงไป หรือว่าจะเกิดจากความเครียดที่คุณบอกว่ามีอาการเครียดจนอ้วกทุกวัน ซึ่งหากอาการเป็นแบบนี้ก็คงต้องบอกแล้วนะครับว่าเป็นสภาวะที่ไม่ดี เพราะการเครียดจนทำให้อ้วกได้ คุณเองก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคทางหลอดอาหารเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งตรงนี้ควรระวังไว้นะครับ
ในประเด็นที่สอง อาจจะต้องตรวจดูเรื่องของการทำงานของสมองหากว่าเพิ่งเริ่มมีอาการพูดไม่รู้เรื่องเร็วๆนี้ เพราะอาการบางอย่างภายในสมองก็อาจจะส่งผลต่อระบบการประมวลผลและการทำงานของสมองที่แปลกออกไปได้ครับ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นประเด็นไหน อาจจะต้องเข้าพบกับแพทย์นะครับเพื่อรับการประเมินจึงจะสามารถตอบได้อย่างแน่ชัดว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นจากอะไร และมีวิธีการในการแก้ไขอย่างไรบ้าง
หากเป็นในเรื่องของความเครียด ช่วงนี้ก็อาจจะลองปรับพฤติกรรม หันมาดูแลตนเองมากขึ้น ทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ มีความสุขที่ได้ทำ และอาจจะหยุดงานบ้างก็ได้ครับ หากว่าความเครียดมาจากงานซะส่วนมาก นอกจากนั้น คุณสามารถลองหานักจิตวิทยาเพื่อรับคำปรึกษาในเรื่องของการจัดการความเครียดซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคุณอยู่บ้างไม่มากก็น้อยนะครับในการที่จะหาวิธีการรับมือกับความเครียดตรงนี้
สุดท้ายนี้หากมีคำถามเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
อาการปวดหัวอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากความผิดปกติของสมองโดยตรง และจากความตึงเครียด ค่ะ
ในกรณีที่ทำงานไม่ตรงกับความถนัดของตนเอง หรือ ทำงานที่ต้องรับรู้ปัญหาของผู้อื่นเยอะๆ อาจส่งผลให้เกิดความเครียดได้ และหากเราไม่มีวิธีจัดการกับความเครียดนั้น ก็จะยิ่งทำให้เกิดความเครียดสะสม และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตได้
เบื้องต้นลองทำแบบประเมินความเครียดด้วยตนเองดูก่อนนะคะ
โดยสำรวจจากอาการภายใน 1-2 เดือน ว่ามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน โดยให้คะแนนตามระดับความรุนแรงของอาการดังนี้
ไม่เคยเลย 0 คะแนน
ครั้งคราว 1 คะแนน
บ่อยๆ 2 คะแนน
ประจำ 3 คะแนน
1. นอนไม่หลับ เพราะมีเรื่องกังวลใจหรือคิดมาก
2. รู้สึกหงุดหงิด รำคาญใจ
3. ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะประสาทตึงเครียด
4. รู้สึกวุ่นวายใจ
5. ไม่อยากพบปะผู้คน
6. ไม่มีความสุข รู้สึกเศร้าหมอง
7. ปวดหัวข้างเดียวหรือปวดขมับ 2 ข้าง
8. รู้สึกหมดหวังในชีวิต
9. รู้สึกว่าชีวิตตนเองไร้คุณค่า
10. กระวนกระวายตลอดเวลา
11. ขาดสมาธิ
12. อ่อนเพลีย ไม่มีแรงที่จะทำอะไร
13. เหนื่อยหน่ายไม่อยากทำอะไร
14. ใจเต้นแรง
15. เสียงสั่น ปากสั่น มือสั่นเมื่อรู้สึกไม่พอใจ
16. กลัวผิดพลาดในการทำสิ่งต่างๆ
17. ปวดเกร็งบริเวณท้ายทอย หลัง ไหล่
18. ตื่นเต้นง่ายกับเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
19. มึนงง วิงเวียนศีรษะ
20. ความสุขทางเพศลดลง ขาดความใส่ใจในการดูแลตัวเอง
หากรวมคะแนนได้มากกว่า 17 คะแนน หมายความว่ามีความเครียดในระดับที่สูงกว่าปกติ ควรหาเวลาผ่อนคลายความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การหาที่ปรึกษาพูดคุยระบายความรู้สึก การหาเวลาไปพักผ่อนหย่อนใจ การปล่อยวาง เป็นต้น และหากคิดว่างานนั้นไม่เหมาะกับเรา ก็ควรหาวิธีแก้ไข เช่น การไปศึกษาอบรมเพิ่มเติม เพิ่มศักยภาพในการทำงาน จะทำให้เรามีความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น หรือ หางานอื่นๆที่เหมาะสมกับความรู้และบุคลิกภาพของเรา จะทำให้เราทำงานนั้นได้อย่างมีความสุขมากขึ้นนะคะ
หากลองปรับแล้วอาการไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์ ตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เบื้องต้นวัยเด็กมีปัญหาทางด้านการอ่านช้ามาก จนถึง ป.4 ต่อมาก็เริ่มค่อยๆพัฒนาแต่ก็ช่ากว่าเพื่อนร่วมชั้น จนถึง ม.3 ต่อมาช่วงเรียน ปวช.และปวส. ทุกอย่างถือว่าปกติดีมากคะ จบปีการศึกษา มี.ค. 56 เริ่มทำงานเป็นเสมียนตรา ทันทีที่เรียนจบ ทำได้ 8 เดือน ก็ปกติดีคะ พอสอบได้งานใหม่ ก็ต้องมานั่งให้คำปรึกษา( ศูนย์ดำรงธรรม) ตั้งแต่อายุ 19 ปีตั้งแต่ปี 57 3 เดือนแรกไม่เคยเจอเรื่องปวดหัวแบบนี้ อ้วกทุกวัน จนทำงานมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันอายุ 26 ปี และมีคนว่าเราพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง การถามตอบไม่ตรงประเด็น (ส่วนตัวมีความรู้สึดสมองนึกไปอย่าง แต่ตอบออกมาตอบอีกอย่าง) และมีอาการปวดหัวมากเวลาที่อากาศเย็นจัดในเวลาทำงาน ช่วงกลับบ้านก็จะนอนไม่ได้ปวดหัวแบบสมองจะระเบิด ตรงหน้าผากจะมีเส้นเลือดปูด อยากทราบว่า 1.หนูป่วยใช้ไหมคะ ที่พูดไม่รู้เรื่อง 2.อาการปวดหัวมากๆ ส่วนใหญ่เกิดจากความเครียด (ได้โปรดช่วยหาทางออกให้หนูด้วยคะ หนูไม่อยากให้ใครมองว่าเราพูดไม่รู้เรื่อง ความมั่นใจที่มี ก็ไม่มั่นใจจนมันทำให้เราแย่มากคะ)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)