July 21, 2019 14:41
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
การวินิจฉัยปวดหัว ควรต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายจากเเพทย์ครับ เนื่องจากปวดหัวมีได้หลายโรคมาก บางครั้งมีสาเหตุซ่อนอยู่ บางครั้งก็ไม่มีสาเหตุ
.............
1. การปวดหัวที่ไม่ได้มีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ พวกนี้มักไม่ได้อันตราย
เเต่จะรำคาญ รบกวนชีวิตประจำวัน เช่น
- ไมเกรน พวกนี้มักจะปวดหัวข้างเดียว(หรือสองข้างก็ได้)เเบบตุ้บๆเหมืนชีพจรเต้นได้ มีคลื่นไส้อาเจียน อาจมีอาการนำ เช่นเห็นเเสงวาบ ได้ยินเสียงผิดปกติ
- ปวดหัวเเบบTension จะปวดเหมือนมีอะไรมารัดหัว หนักหัว ปวดขมับได้ครับ
- หรือเส้นเลือดบริเวณขมับอักเสบ พวกนี้ปวดตุ้บๆที่ขมับได้ เเต่มักเกิดในคนอายุเยอะ มีอาการร่วมเช่นปวดกรมเวลาเคี้ยว ตาดับมองไม่เห็นบางครั้ง เห็นภาพซ้อน ไข้ต่ำๆครับ
- ปวดเส้นประสาทใบหน้า พวกนี้จะปวดเเปล๊บๆ ปวดเเสบร้อน ตามเเนวเส้นประสาท ตามหน้าผาก ตามกราม
- ปวดหัวเเบบCluster จะปวดทั่ว มักมีอาการเช่นคัดจมูก น้ำตาไหลร่วมด้วย
- อื่นๆเช่น ปวดกล้ามเนื้อเเล้วร้าวมาหัว เช่น Myofascial pain syndrome พวกนี้จะเกิดในคนนั่งทำงานออฟฟิซ อาการคือจะมีปวดคอปวดบ่า ร้าวมาศรีษะได้
- ปวดหัวจากการใช้สายตามาก สายตาล้า มีสายตาสั้นอยู่เดิม
............
หรือสาเหตุจากโรคอื่นๆเช่น ไซนัสอักเสบ บางทีมีไข้ เช่นพวกไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ก็มีปวดหัวทั่วๆได้
............
พวกนี้กินยาจะพอบรรเทาได้ครับ หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
ถ้าอาการเป็นเเบบกลุ่มนี้หาเวลาไปพบเเพทย์ครับ
............
2.แต่ถ้า มีอาการเช่น ปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งวันหลังๆยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อย มีไข้สูง มีเเขนขาอ่อนเเรงยกไม่ขึ้นมีปากเบี้ยวหน้าเบี้ยว
หรือปวดมากจนทนไม่ไหวเลยใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ หรือมีประวัติศรีษะกระเเทกรุนเเรงมาก่อน
พวกนี้ต้องไปพบเเพทย์ทันทีครับ อาจมีพยาธิสภาพซ่อนอยู่ เช่น เนื้องอกในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือเลือดออกในสมองเป็นต้นครับ
............
เบื้องต้นถ้าไม่ได้มีอาการอันตราย ลองซื้อยา Paracetamol มารับประทาน ถ้ายังไม่หาย ปวดไม่ทุเลา เเนะนำ หาเวลาไปพบเเพทย์ครับ
ยาอีกกลุ่มที่พอใช้ได้ เเละสามารถซื้อได้จากร้านขายยา คือยากลุ่มNSAID เช่น Ibuprofen Naproxen Etoricoxib Celecoxib แต่ต้องระวัง คือห้ามใช้ยากลุ่มนี้กับผู้ป่วยที่สงสัยภาวะไข้เลือดออกครับ อาการคือ ไข้ ปวดหัวทั่วๆ ปวดกระบอกตา ปวดตัว คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร เป็นต้นครับ
ถ้าสงสัยไข้เลือดออกเเนะนำให้พบเเพทย์ เเละกินยาParacetamol จะปลอดภัยกว่าครับ
ถ้ามีอาการเเพ้ยา เช่น ปากบวม ผื่นลอก หายใจลำบาก ให้พบเเพทย์ทันทีครับ
เเละในคนอายุเยอะๆ ก็เเนะนำParacetamol ในเบื้องต้น จะปลอดภัยกว่าครับ พวกNSAId เพิ่มความเสี่ยงต่อไตวาย เเละเเผลในกระเพาะครับ
............
ถ้าสงสัยไมเกรน ยารักษาจะเเบ่งเป็นสองกลุ่มครับ
1.คือ ยาที่ทำให้อาการปวดหาย เช่น กลุ่มNSAID พวก Ibuprofen , Naproxen กลุ่มErgotamine,Triptan
ถ้าIbuprofen ตอนปวดให้กินได้ครับ ปกติถ้าเม็ด400มิลลิกรัม ให้กินสองเม็ดทันที เเล้วถ้ายังปวดให้กินซ้ำได้ทุก4-6ชม.วันนึงไม่เกิน 6 เม็ดครับ
ถ้ากินนานๆครั้งก็ไม่เป็นไร เเต่ถ้ากินบ่อยหลายๆปี อาจทำให้มีเเผลในกระเพาะได้ หรือ มีไตเสื่อมได้ครับ
2.ยาป้องกันอาการปวด พวกนี้ต้องให้เเพทย์วินิจฉัยเเละสั่งจ่ายเมื่อจำเป็นครับ เช่น Propranolol Amitryptiline
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
แนะนำเพิ่มเติม ถ้าคนไข้มีอาการปวดศีรษะ รบกวนการนอน เช่น ตื่นขึ้นมาเพราะปวดศีรษะ. ปวดแบบไม่เคยปวดมาก่อน, มีคลื่นไส้อาเจียน ตาพร่ามัวร่วมด้วย, ชัก สับสน ชา แขนขาอ่อนแรง, มีไข้, ภูมิคุ้มกันต่ำ หรืออายุมากกว่า50ปี
แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจแยกโรคปวดศีรษะแบบรุนแรงก่อนครับ เช่น อาการปวดศีรษะที่เป็นมากตอนนอน อาจเป็นจากโรคที่ทำให้ความดันในกระโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมอคะ หนูปวดหัวหัวมาหลายวันแล้วค่ะ หนูเป็นไมเกรนมาก่อน ถ้าปวดจะคลื่นใส่ แต่ครั้งนิปวดหัวที่ไม่ใช่ไมเกรนแวดทั้งหัว ข้างซ้าย ข้างขวา รวมเ้วยคลื่นใส่ ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค 62 จนถึง21 ก ค 62 อาการยังไม่ดีขึ้นเลย กินยานอนหลับทุกคืนถึงจะหลับ แบะนอนได้ ขอบคุณค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)