เด็กที่ดูแลได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นซึมเศร้า และมีภาวะคล้ายแพนิคจนทำให้ไม่กล้ามาโรงเรียน ไม่กล้าพบเจอหน้าผู้คน แต่พอได้รับยาต้านเศร้าไปกลับมีเอฟเฟคของยาทำให้มีพลังมากเกินไป จนเค้าไม่มีสมาธิ พูดไม่หยุด เดินไปมา โวยวายเสียงดัง เรียกร้องความสนใจ และก้าวร้าวขึ้นมาก แบบที่ตัวเขาไม่เคยเป็นมาก่อน เลยอยากจะขออนุญาตถามว่า 1. อาการแบบนี้เป็นผลมาจากตัวยา หรือจากอาการของโรค แล้วอาการเขาจะดีขึ้นไหม ต้องใช้เวลาประมาณเท่าไร 2. เราจะช่วยประคับประคองอาการเขาได้อย่างไรบ้าง 3. เราจะช่วยให้คนรอบข้างเขาเช่นเพื่อนในห้องเรียน เข้าใจและรับมือกับอาการที่เกินขึ้นได้อย่างไรบ้าง ที่จะทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกกดดันมาก จนไม่กล้ามาเจอผู้คนอีก ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีครับ
ถ้าหากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคซึมเศร้าและได้รับประทานยาต้านโรคซึมเศร้าอยู่ แต่กลับมีอาการออกมาในทางตรงกันข้าม คือ มีอารมณ์ร่าเริงหรือหงุดหงิดมากเกินควร มีเรี่ยวแรงมากขึ้น พูดมากขึ้น ดูมั่นใจมากขึ้นเกินควร อาจเป็นไปได้ว่าจริงๆแล้วผู้ป่วยเป็นโรคอารมณ์สองขั้วหรือไบโพลาร์อยู่ แต่ก่อนหน้านี้แสดงอาการออกมาเฉพาะอารมณ์ในขั้วโรคซึมเศร้าทำให้แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้าครับ ในกรณีนี้หมอจึงแนะนำว่าควรพาผู้ป่วยกลับไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและปรับเปลี่ยนยาอีกครั้งครับ

ส่วนในกรณีของเพื่อนในห้องนั้นแนะนำให้พูดคุยทำความเข้าใจกับทุกคนว่าอาการที่ผู้ป่วยเป็นอยู่นั้นเกิดจากการเจ็บป่วย ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ป่วยตั้งใจที่จะแสดงออกมาในลักษณะนั้นครับ

ไม่ทราบว่าเด็กทานยาอะไรบ้างคะ ต้องดูชนิดและปริมาณยาที่คุณหมอสั่ง ในกรณีที่ทานยาแล้วมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ควรกลับไปพบจิตแพทย์ เพื่อปรับยาหรือเปลี่ยนยาให้เหมาะสมนะคะ
ในกรณีที่เป็นซึมเศร้าโดยทั่วไปยาจะออกฤทธิ์ภายใน 2 สัปดาห์ จึงจะเห็นผล แต่กรณีของน้อง ถ้ามีอารมณ์และพฤติกรรมดังกล่าวสงสัยว่าอาจจะได้ยาตัวอื่นนอกเหนือจากยากลุ่มต้านเศร้าด้วย ยังไงต้องกลับไปพบจิตแพทย์อีกครั้งนะคะ