January 27, 2019 04:43
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
โรคซึมเศร้านั้นเป็นโรคที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติไปของสารเคมีในสมองทำให้เกิดอารมณ์เศร้าและความรู้สึกในทางลบต่างๆขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาการทั้งหมดนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นจริงจากการที่สมองสั่งการมาโดยตรง ไม่ได้เกิดจากการอ่อนแอหรือคิดไปเองครับ
ด้วยเหตุนี้โรคซึมเศร้าจึงจำเป็นต้องรักษาด้วยการรับประทานยาเพื่อปรับการทำงานของสารเคมีในสมองใหม่เพื่อให้สารเคมีในสมองกลับมาเข้าสู่สมดุลอีกครั้ง โดยจะต้องรับประทานยาติดต่อกันไปเรื่อยๆจนกว่าโรคจะสงบเป็นเวลาอย่างน้อย 6-9 เดือนครับ การหยุดรับประทานยาที่เร็วเกินไปจากมีผลทำให้โรคไม่หายและกลับมาเป็นซ้ำได้ง่าย
หมอแนะนำว่าในกรณีนี้ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาใหม่อีกครั้งครับ หมอไม่แนะนำให้ปล่อยโรคทิ้งไว้นานเนื่องจากอาการของโรคอาจแย่ลงและทำให้รักษาได้ยากขึ้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ในกรณีที่เคยถูกวินิจฉัยเป็นซึมเศร้ามาก่อน และไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องนั้น ส่งผลให้โรคกำเริบซ้ำได้ ดังนั้นในกรณีของหนูควรเข้าพบจิตแพทย์ เริ่มต้นรักษาใหม่อีกครั้งนะคะ
ซึมเศร้าสามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้โดยการใช้ยา ซึ่งยาจะเป็นตัวช่วยปรับให้สารเคมีในสมองหลั่งสมดุล ยังยั้งสารเคมีที่ก่อให้เกิดความเครียด ทำให้ความคิด อารมณ์ พฤติกรรมต่างๆเป็นปกติ ปรับตัวกับปัญหาได้ดีขึ้น
ซึมเศร้าไม่สามารถหายได้เอง ดังนั้นการที่หนูหยุดยาเอง และคิดว่าใช้ความอดทนเพื่อให้อาการดีขึ้นนั้น เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องนะคะ
การรักษาตามแนวทางที่เหมาะสมคือ จิตแพทย์จะใช้ยารักษา ร่วมกับการทำจิตบำบัด และ ตัวผู้ป่วยเองต้องมีหน้าที่ดังนี้
1. ทานยาสม่ำเสมอ ไม่ปรับยา หรือ หยุดยาเอง
2.สังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติ ไปพบจิตแพทย์ก่อนนัดทันที
3.ทุกนัดที่จิตแพทย์นัดติดตามอาการ ควรไปตามนัดทุกครั้ง
4.เมื่ออาการเริ่มดีขึ้น คุณหมอจะค่อยๆปรับลดยาให้ทีละน้อย จนอาการดี 100% จึงจะสั่งหยุดยา
5.ในช่วงที่สั่งหยุดยา คุณหมอจะมีคำแนะนำในการสังเกตอาการผิดปกติที่อาจกลับมาเป็นซ้ำอีก และอาจนัดติดตามอาการเป็นระยะตามความเหมาะสม
6.ตัวผู้ป่วยต้องดูแลตัวเอง ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดหรือสารกระตุ้นทุกชนิด
ดังนั้นกรณีของหนู หนูต้องเข้ารับการรักษาจากจิตแพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด แล้วอาการจะค่อยๆดีขึ้น นะคะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เพราะตัวคุณอ่อนแอนะครับ ความคิดฆ่าตัวตาย การทำร้ายตัวเองหรือการเป็นโรคซึมเศร้าเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกคนเนื่องจากว่า สาเหตุของภาวะโรคซึมเศร้าเองก็มาจากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสารเคมีในสมอง สภาวะความเครียด บุคลิกภาพ ประสบการณ์ในวัยเด็ก เรื่องของความสัมพันธ์ และเหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามาในชีวิตของเราครับ
ดังนั้นการจะต่อสู้กับโรคซึมเศร้าจึงมักจะต้องมีการอาศัยความพยายาม ความหลากหลาย และความต่อเนื่องในการดูแลตนเอง หรือรับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อที่จะให้คุณสามารถเพิ่มทักษะในการจัดการกับความเครียด หรือการใช้ยาเพื่อช่วยในเรื่องของการปรับสมดุลของสารเคมีในสมองนะครับ
ผมอยากจะแนะนำว่าให้ลองเข้ามาพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาอีกซักครั้งหนึ่งโดยที่คุณอาจจะต้องลองเข้าเปลี่ยนโรงพยาบาลเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านมากขึ้น โดยในเรื่องของค่าใช้จ่าย ในเบื้องต้นอยากให้ลองดูโรงพยาบาลตามสิทธิที่มีอยู่นะครับเนื่องจากหากไปรับการรักษาจากโรงพยาบาลที่มีสิทธิประกันสุขภาพอยู่ก็จะไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือเสียค่าใช้จ่ายเป็นส่วนต่างซึ่งจะมีราคาที่ไม่สูงมาก หากโรงพยาบาลหรือคลีนิคที่เรามีสิทธิอยู่ไม่มีบริการของแผนกจิตเวช ทางโรงพยาบาลหรือคลินิกสามารถทำใบส่งตัวให้เราไปใช้สิทธิที่โรงพยาบาลที่มีแผนกจิตเวชอยู่ได้ครับ โดยคุณอาจจะลองหาข้อมูลของโรงพยาบาลที่ใกล้และสะดวกกับคุณที่สุดและลองนำไปพูดคุยกับคุณหมอที่จะส่งตัวคุณได้ครับ ทั้งนี้คุณสามารถตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลได้ตามลิ้งค์ที่ผมแนบไว้ด้านล่างนี้นะครับ
http://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml
ในส่วนของการทำร้ายตนเองหรือความคิดฆ่าตัวตาย หากมีความคิดเหล่านี้เข้ามาเยอะๆ หรือว่ามีแนวโน้มที่เราจะทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น สิ่งแรกที่คุณควรจะต้องทำก็คือโทรติดต่อหาคนสนิทที่ไว้ใจได้ให้มาช่วยเหลือเนื่องจากคุณมีความคิดแบบนี้ หรือติดต่อไปที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ 24 ชม. เพื่อที่คุณจะได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการอบรมในด้านการช่วยเหลือเชิงจิตใจในเบื้องต้น หรือคุณสามารถติดต่อไปที่สมาคมสะมาริตันส์ได้ที่เบอร์ 02-713-6793 เวลาทำการ 12:00-22:00 ซึ่งการบริการจะเป็นการให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์เช่นเดียวกันครับ หรือสุดท้ายแล้วหากไม่สามารถติดต่อไปที่ทั้งสอง คุณสามารถติดต่อกู้ภัยฉุกเฉิน 1669 เพื่อให้นำคุณไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียงได้รับ
ขอเป็นกำลังใจให้คุณสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาตรงนี้ไปให้ได้นะครับ และหากมีคำถามอื่นๆเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามเข้ามาได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีค่ะ หนูเคยรักษาภาวะซึมเศร้าที่พ.แห่งหนึ่งเมื่อปีกว่าๆที่แล้ว รักษาไปได้สักพัก ทานยาไปได้ประมาณ2เดือนหนูก็ไม่ได้ไปหาหมออีกค่ะ แล้วถือวิสาสะหยุดยา sertraline ไปด้วย ตอนนั้นรพ.ที่หนูไปหาหมอนั้นอยู่ไกล แล้วเป็นช่วงปีสามที่โปรเจคกำลังยุ่งมากๆ และตัวหนูเองก็มีปัญหาเรื่องเงินด้วยค่ะ ช่วงที่รักษาหนูมีการทำร้ายตัวเอง และหลังหยุดรักษาไปก็ยังมีเรื่อยๆค่ะ แต่หลังๆพยายามฝืนตัวเอง อดทนไม่ทำ เพราะแฟนขอเอาไว้ แต่ตอนนี้หนูรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้มากขึ้นเรื่อยๆ หนูเบื่อชีวิตของหนู หนูอยากตายทุกวัน ร้องไห้แทบทุกวัน บ่อยกว่าเมื่อก่อน บวกกับตอนนี้อยู่ในช่วงทำทีสีสที่เป็นโปรเจคจบอยู่ด้วยเลยยิ่งเครียด บางทีตอนหนูมีความสุขหนูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรได้รับความสุขเลยด้วยซ้ำ หนูคิดไว้ว่า ถ้าหนูเรียนจบหนูตั้งใจจะฆ่าตัวตายค่ะ แต่ถ้าหากอะไรมันโอเคขึ้นหลังจากเรียนจบความคิดหนูอาจจะเปลี่ยนไปรึเปล่าคะ หนูเคยคิดเมื่อตอนจบปีสามว่าถ้าผ่านช่วงเครียดมันคงจะดีขึ้น แต่มันดีขึ้นแค่แปบเดียว แต่หนูยังคงเกลียดตัวเองมากขึ้นทุกวัน แต่บางทีหนูก็คิดว่าหนูสำออย อ่อนแอและคิดไปเอง หนูควรกลับไปหาหมอหรือว่าควรอดทนเรียนให้จบแล้วตัดสินใจไปตรวจอีกครั้งดีคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)