October 17, 2018 11:43
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
โดยปกติแล้วการรับประทานยาเพื่อปรับฮอร์โมนเพื่อให้ประจำเดือนมานั้นจะเป็นการรักษาอาการขาดประจำเดือนจากฮอร์โมนในร่างกายที่ผิดปกติครับ แต่ถ้าหากรับประทานยาไปแล้วประจำเดือนยังไม่มา สาเหตุที่ทำให้ขาดประจำเดือนก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นครับ เช่น
- ไทรอยด์เป็นพิษ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่(PCOS)
- มีการผลิตฮอร์โมนบางอย่างในร่างกายที่ส่งผลรบกวนการตกไข่หรือการผลิตฮอร์โมนเพศ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด
ในเบื้องต้นหมอแนะนำให้ไปพบแพทย์นรีเวชในโรงพยาบาลเพื่อตรวจภายใน อัลตราซาวด์ รวมถึงตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของการขาดประจำเดือนเพิ่มเติมก่อนครับ เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมตามสาเหตุ
ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์นั้น ถ้าหากได้มีเพศสัมพันธ์อีกหลังจากที่มีการตรวจการตั้งครรภ์ไปแล้วก็ถือว่ามีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้หลังจากนั้นครับ ดังนั้นจึงอาจต้องลองตรวจการตั้งครรภ์ใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วย โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ประจำเดือนไม่มา ประมาณ 3 เดือนคะ ตรวจครรภ์ 2 ครั้งขีดแค่ 1 ขีด ไปพบแพทย์ที่คลินิกให้กินยาปรับฮอโมน 2 แผง ทานจนหมดแล้วรอเวลาให้ประจำเดือนมา ตอนนี้รอครบ 1 อาทิตย์แล้วแต่ประจำเดือนยังไม่มาคะ แต่ในระหว่างทานยามีเพศสัมพันธ์ 1 ครั้งคะ มีโอกาสที่จะท้องไหมคะ มีวิธิการรักษายังไงบ้างคะ ?
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)