July 04, 2019 19:00
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ถ้าหากมีการทำร้ายตัวเองเกิดขึ้นบ่อยๆในช่วงที่มีอารมณ์หงุดหงิดนั้นก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อตัวเองได้ครับ ซึ่งการมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- การขาดทักษะการควบคุมอารมณ์ที่ดีพอ
- อารมณ์ที่แปรปรวนระหว่างรอบเดือน
- โรคซึมเศร้า
- โรคอารมณ์สองขั้ว
- ความผิดปกติของบุคลิกภาพบางอย่าง
ถ้าหากอาการในลักษณะนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ หมอก็แนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาหรือความช่วยเหลือให้มีการควบคุมอารมณ์ได้ดีมากขึ้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
อาการหงุดหงิดง่ายอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ จากความแปรปรวนของระดับฮอร์โมนในร่างกาย จากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคทางด้านอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า ไบโพลาร์ หรือโรคทางด้านจิตเวชอื่นๆ เช่น สมาธิสั้น หรือเป็นความผิดปกติทางด้านบุคลิกภาพและการปรับตัว เป็นต้น
ในกรณีที่หงุดหงิดแล้วไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ได้ด้วยวิธีที่เหมาะสม หรือ อาการหงุดหงิดส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือ ส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง แบบนี้ควรพบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัดแล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมดีที่สุดนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
พฤติกรรมตรงนี้ ถึงจะเป็นโรคหรือว่าไม่เป็นโรคก็นับเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับตัวคุณเองอยู่ดีครับ เพราะสิ่งหนึ่งที่คุณควรเข้าใจก็คืออารมณ์หงุดหงิดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่การระบายหรือจัดการกับความรู้สึกตรงนั้นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่คุณอาจจะต้องลองหาวิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าการทำร้ายตนเองนะครับ
ในเบื้องต้นการค้นหาปัจจัยที่ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่จะได้เลือกรับมือกับปัจจัยภายนอกได้อย่างเหมาะสม เช่น การหลีกเลี่ยงปัจจยเหล่านั้นหรือการปรับเปลี่ยนความคิดบางอย่าง ซึ่งหากว่าต้องการตัวช่วยในการขบคิดเรื่องเหล่านี้ จิตแพทย์และนักจิตวิทยาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะสามารถช่วยเหลือคุณในเรื่องนี้ได้
นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญแล้ว คุณสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาที่ตนเองจะรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือรู้สึกสนุกผ่อนคลายให้ และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความหงุดหงิดหรือความกดดันนี้ลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วยกับการรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต จะเป็นการช่วยให้คุณสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ในระยะยาวอีกด้วยครับ
สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งในเรื่องของความหงุดหงิดและความไม่พอใจในที่เกิดขึ้น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อยากจะถามน่ะค่ะคือบางครั้งเวลาหงุดหงิดมากๆ เราก็พยายามควบคุมตัวเองแล้วนะคะ แต่มันเหมือนต้องระบายออกมา เช่น ทุบตัวเองจนช้ำบ้างก็มี ไม่ก็เอาเล็บขูดตัวเอง จิกหรือหยิกตัวเองอ่ะค่ะ แต่ทำตอนไม่มีใครเห็นนะคะแบบนี้ถือว่าเป็นโรคอะไรมั้ยคะ ไม่ได้เรียกร้องความสนใจนะคะแต่มันอยากระบาย;-;
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)