April 10, 2019 12:17
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ก่อนอื่นหมอต้องขอแสดงความเสียใจเรื่องคุณแม่ก่อนนะครับ
การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปนั้นเป็นเรื่องปกติที่เราต้องมีความเศร้าเสียใจเกิดขึ้นครับ แต่ความเศร้าเสียใจนี้ก็ไม่ควรเป็นนานจนทำให้มีกระทบกับการใช้ชีวิตครับ หมอเชื่อว่าคุณแม่ที่จากไปแล้วก็อยากให้ตัวคุณได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ตามปกติเหมือนสมัยที่ท่านยังอยู่ครับ
ในกรณีนี้ยังบอกได้ไม่ชัดเจนนักว่าอารมณ์เศร้าท่เป็นอยู่นี้จะรุนแรงจนถึงขั้นที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่เพราะยังต้องอาศัยอาการอื่นๆมาประกอบกันครับ
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
ถ้าหากรู้สึกว่าอารมณ์เศร้าที่เป็นอยู่ส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตมากหรือเป็นอยู่นานเกินไป หมอก็แนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาต่อไปได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ความสูญเสีย การพลัดพราก จากบุคคลที่รัก ย่อมส่งผลต่อความรู้สึกของเราเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งโดยปกติคนเราจะปรับตัวยอมรับกับสภาวะนั้นได้ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์-1เดือน หากเหตุการณ์นั้นผ่านไปนานกว่าช่วงระยะเวลาดังกล่าวและยังคงปรับตัวยอมรับสภาพไม่ได้ มีอารมณ์และพฤติกรรมบางอย่างผิดปกติไปจากเดิมโดยเฉพาะเรื่องการนอนหลับ การทำกิจวัตรประจำวัน เป็นต้น ก็อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ค่ะ
ในกรณีนี้ลองสำรวจอาการเบื้องต้นดูก่อนนะคะว่า มีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องทุกวันเกิน 2 สัปดาห์หรือไม่
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ ซึมเศร้า หดหู่
3.นอนไม่หลับ/หลับมากอยากนอนทั้งวันทั้งคืน
4.เบื่ออาหาร / ทานได้มากเกินปกติ
5.ขาดสมาธิ เหม่อลอย
6.กระสับกระส่าย / ทำงานได้เชื่องช้ากว่าเดิม
7.หงุดหงิดง่าย
8.รู้สึกไร้ค่า รู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
9.มีความคิดทำร้ายตัวเอง/ลงมือทำร้ายตัวเอง
หากมีอาการดังกล่าวเกินกว่า 7 ข้อ แนะนำพบจิตแพทย์ ตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด รับการรักษาตามแนวทางที่เหมาะสม นะคะ
แต่หากสำรวจอาการแล้วไม่เข้าข่ายซึมเศร้า ก็แนะนำให้หนูปรับตัวกับปัยหาด้วยการปรับความคิด คิดว่าคุณแม่ท่านไปสบายแล้ว เราอยู่ทางนี้ควรทำหน้าที่ของตนเองต่อไป อย่าให้คุณแม่ต้องเป็นห่วง หาที่ปรึกษาพูดคุยระบายความรู้สึก อาจจะเป็นญาติที่ใกล้ชิด เพื่อนสนิท หากิจกรรมที่ชอบทำให้เพลิดเพลิน หรือ กิจกรรมจิตอาสา จะช่วยให้เรามีเพื่อน และเป็นการสร้างคุณค่าให้กับตัวเองได้ด้วยค่ะ เป็นกำลังใจให้หนูนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ก็ต้องขอแสดงความเสียใจเรื่องของคุณแม่ด้วยนะครับ และจากที่เล่ามาก็ไม่แปลกเลยที่ตัวหนูเองจะรู้สึกแบบที่กล่าวมา เพราะว่าตอนนี้คุณแม่ที่เป็นบุคคลที่หนูสนิทมากๆ ก็มาจากไปและหนูเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าบุคคลอื่นๆในครอบครัวจะรักและห่วงใยหนูเท่าที่คุณแม่ได้เคยมอบความรัก ความห่วงใยให้แก่หนูเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งความรัก ความห่วงใยที่คุณแม่ได้เคยให้ไว้ ผมเชื่อนะครับว่าตอนนี้ก็ยังอยู่ในตัวของหนู ในภาพความทรงจำ และหากลองทบทวนดูดีๆหนูอาจจะสัมผัสได้ว่าคุณแม่เองก็ยังอยู่ในจิตใจของหนูอยู่ ซึ่งตรงนี้อาการคิดถึงหรือความคิดที่ว่าไม่รู้จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไร อาจจะเป็นความคิดที่เกิดขึ้นได้ และผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้หนูจะได้พบกับคำตอบเหล่านั้นครับ
แต่ก่อนอื่นเลย อาจจะต้องกลับมาดูแลตนเองเรื่อง การทานข้าว การนอนหลับนะครับว่าเพียงพอหรือไม่ มีอาการตามที่คุณหมอและพี่นักจิตได้ให้ข้อมูลไว้หรือเปล่า หากว่ามีในเรื่องของภาวะซึมเศร้าหรืออาการตามนี้ ก็อยากจะให้เข้าพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อรับการประเมินและช่วยเหลือที่เหมาะสมนะครับ ส่วนในเรื่องอื่นๆ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ากำลังเรียนหรือว่าทำงานอยู่ แต่ก็อยากให้ออกไปเรียนหรือทำงานได้อย่างที่เคยทำนะครับ หากต้องการเวลาในการพักจริงๆ อาจจะต้องมาดูว่าเราสามารถพักจากการเรียนหรือว่าการทำงานได้หรือไม่ ผมคิดว่าการที่หนูได้มีเวลาในการทบทวนตนเองหรือลองพูดคุยกับนักจิตวิทยาในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นประโยชน์กับตัวหนูนะครับ
สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้หนูสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาตรงนี้ไปให้ได้นะครับ และหากมีคำถามอื่นๆก็สามารถสอบถามเข้ามาได้เลยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สวัสดีค่ะ คือหนูสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่า คือหนูเป็นเด็กที่พ่อแม่หย่าร้างกันแล้วหนูอยู่กับแม่แล้วแม่หนูเสียแล้ว ครอบครัวหนูเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะแต่หนูติดแม่มาก ในครอบครัวทุกคนก็ดูแลหนูดีแต่ก็ไม่ได้เป็นห่วงหนูเท่าแม่ของหนูทุกครั้งที่หนูอยู่กับครอบครัวหนูจะคิดเรื่องแม่แล้วก็ร้องไห้ตลอด แต่พอหนูอยู่กับเพื่อนหนูก็ทำตัวปดติ ร่าเริงเหมือนเดิมเหมือนไม่ได้เสียใจเรื่องแม่ ทั้งที่ในใจหนูมันไม่ไหวแล้ว หนูไม่รู้จะมีชีวิตต่อไปทำไม แต่หนูก็ไม่เคยคิดฆ่าตัวตายเลย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)