มีเพศสัมพันธ์วันที่(5พ.ค)หลั่งนอกทานยาคุมฉุกเฉินตามฉลากทุกอย่างหลังจาดนั้นวันที่(10พ.ค)มีเลือดออกคล้ายประจำเดือนประมาน2-3วันเเละวันที่(4มิ.ย)ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจขึ้นขีดเดียวเเละวันที่(9มิ.ย)มีเลือดออกตอนนี้ก็เป็นอยู่คะ ใช่ประจำเดือนมั้ยคะ ปกติประจำเดือนมาวันที่23คะท้ายๆเดือน

หลังทานยาคุมฉุกเฉินอาจจะมีผลข้างเคียงได้เช่นเลือดออกกระปริดกระปรอย คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ คัดตึงเต้านม และอาจจะมีเลือดออกจากช่องคลอดหลังทานยา 1 สัปดาห์คล้ายประจำเดือนแต่ไม่ใช่ประจำเดือนส่วนประจำเดือนจริงๆอาจจะมาช้าหรือเร็วกว่าปกติได้

ขออนุญาตเสริมนะคะ

1. หากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายคือ 5 พ.ค. แล้วไม่มีเพศสัมพันธ์อีกเลย เมื่อตรวจการตั้งครรภ์ในวันที่ 4 มิ.ย. แล้วได้ผลเป็น 1 ขีด ก็คือไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ

2. ไม่แน่ใจว่าประจำเดือนที่ว่ามักจะมาประมาณวันที่ 23 ของเดือน ได้มาประมาณ 23 พ.ค. ด้วยหรือไม่คะ ถ้าไม่มี เมื่อดูจากเลือดที่ออกมากในช่วงวันที่ 10 พ.ค. และ 9 มิ.ย. ก็น่าจะเป็นเลือดประจำเดือนค่ะ ซึ่งไม่ทราบว่าด้วยสาเหตุใด จึงมีการปรับรอบประจำเดือนไปจากเดิมมาก เนื่องจากหากเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน ไม่ควรมีผลให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนหลายวัน

อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับรอบประจำเดือนใหม่แล้ว ครั้งต่อ ๆ ไปประจำเดือนก็น่าจะมาประมาณวันที่ 9 ตามรอบล่าสุด ไม่ใช่ประมาณวันที่ 23 ตามเดิมแล้วค่ะ

3. ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงนะคะ หากคาดว่าจะมีเพศสัมพันธ์อีกเรื่อย ๆ แต่ยังไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ แนะนำให้ใช้วิธีคุมกำเนิดมาตรฐานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามากดีกว่าค่ะ เช่น ถุงยางอนามัย หรือเริ่มใช้ยาคุมกำเนิดก็ได้ค่ะ หากใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานนะคะ

หากสนใจการใช้ยาคุมกำเนิด แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณายาคุมกำเนิดหรือวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมนะคะ

ถ้าเช่นนั้นขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ยาคุมรายเดือนนะคะ

การใช้ยาคุมรายเดือนแผงแรก หากใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน หากใช้ทันช่วงเวลาดังกล่าว สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยนะคะ

เมื่อใช้ยาคุมรายเดือน จะเป็นการปรับรอบประจำเดือนตามการใช้ยาค่ะ โดยในระหว่างที่รับประทานยาทั้ง 21 เม็ดนี้ จะไม่มีประจำเดือนนะคะ แต่อาจพบเลือดกะปริบกะปรอยในการใช้ยาคุมแผงแรก ๆ โดยเฉพาะถ้าใช้ยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำมาก หรือถ้ารับประทานไม่ตรงเวลา แต่อาการจะหายเองได้ค่ะ

ส่วนประจำเดือน จะมาในช่วงปลอดฮอร์โมนนะคะ นั่นคือ หลังใช้ยาครบ 21 เม็ดแล้ว ต้องเว้นว่าง 7 วันค่ะ ประจำเดือนมักจะมาหลังหยุดยา 2 - 3 วัน

การต่อแผงยาคุม ไม่ต้องสนใจวันที่ประจำเดือนมาหรือหมดนะคะ เมื่อเว้นว่างครบ 7 วัน ให้ต่อยาคุมแผงใหม่ในวันต่อมาได้เลยค่ะ วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ถ้าเริ่มใช้ยาคุมแผงแรกตรงกับวันใดในสัปดาห์ เมื่อเริ่มแผงใหม่ ก็จะเป็นวันเดียวกันในสัปดาห์เสมอค่ะ

หากใช้ยาครบถ้วนทุกวัน และต่อแผงยาคุมถูกต้อง ก็จะมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องตลอดค่ะ มีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้แม้ในช่วงเว้นว่าง 7 วันที่ไม่ได้รับประทานยาก็ตาม แต่ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือนนะคะ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกรานค่ะ

ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% นะคะ การใช้ยาคุมรายเดือน มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 0.3 - 9% ค่ะ แต่ถ้าใช้ถูกต้อง ตรงเวลาสม่ำเสมอ ไม่มีปัญหาที่อาจลดประสิทธิภาพของยา (เช่น ลืมรับประทานยา/อาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยา/อาเจียนหรือถ่ายเหลวอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง/ใช้ยาที่อาจลดประสิทธิภาพของยาคุม เช่น ยาบางตัวในกลุ่มยากันชัก ยารักษาวัณโรค ยาต้านไวรัสเอดส์ สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต) ตัวเลขความเสี่ยงก็จะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าต่ำจนไม่น่าจะกังวลค่ะ

เพราะฉะนั้น พยายามรับประทานยาคุมให้ตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ ไม่ควรคลาดเคลื่อนเกิน 1 - 2 ชั่วโมงจากเวลารับประทานยาคุมปกติค่ะ

ใช่ค่ะ เพราะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพียงแต่ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือน จึงควรรอให้ประจำเดือนหมดก่อนนั่นเองค่ะ

ยาคุมจะยับยั้งการตกไข่ และถ้ารับประทานต่อเนื่องตรงเวลาสม่ำเสมอ ยาจะมีประสิทธิภาพในการยับยั้งไข่ตกได้ใกล้เคียง 100% เมื่อไม่มีไข่ตก ต่อให้มีเพศสัมพันธ์หลั่งในและมีอสุจิเข้าไปในช่องคลอด ก็ไม่สามารถผสมกับไข่ได้ค่ะ จึงไม่เกิดการปฏิสนธิและตั้งครรภ์นั่นเอง

ถ้ามีการใช้ถูกต้องและมีผลคุมกำเนิดเกิดขึ้นแล้ว หากใช้ยาคุมต่อเนื่อง จะมีผลยับยั้งไข่ตกได้ตลอดเวลานะคะ จึงสามารถมีเพศสัมพันธ์ตอนไหนก็ได้ เช่น สมมติว่าปกติรับประทานยาคุมเวลา 3 ทุ่ม จะมีเพศสัมพันธ์ก่อนเวลารับประทานยาหรือหลังเวลารับประทานยาก็ไม่มีปัญหาค่ะ