June 14, 2019 08:25
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
อาการคันช่องคลอด สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ
เช่น ถ้ามีเยื่อบุบริเวณนั้นบวมแดง มีตุ่ม ก็เป็นสาเหตุของอาการคันได้ เช่น ตุ่มจากผื่นเเพ้ หรือติดเชื้อ เช่น ตัวโลน เป็นต้น
ถ้าเป็นผื่นเเดงขุยๆชอบใส่กางเกงอับชื้น น่าจะเป็นเชื้อราได้ครับ
หรือถ้ามีตกขาวปริมาณที่มากขึ้นร่วมด้วย อาจเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด ร่วมกับการติดเชื้อที่อวัยวะเพศด้านนอกด้วย ทั้งนี้เกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด สามารถเกิดได้จากทั้ง เชื้อรา แบคทีเรีย
เช่น
การติดเชื้อราในช่องคลอด
จะมีตกขาว ขาวข้นเป็นก้อนคล้ายๆนม ติดอยู่กับผนังช่องคลอดได้ ร่วมกับช่องคลอดเเดง คันช่องคลอด มีปวดเเสบได้
หรือโรคติดเชื้อในช่องคลอดชนิดหนึ่ง คือ Bacterial vaginosisครับ (เเบคทีเรียในช่องคลอดไม่สมดุล เชื้อชื่อ Gardernella vaginallis จึงเเบ่งตัวมากขึ้น)
อาการที่พบบ่อยที่สุด คือ ตกขาวมีกลิ่นอับ (musty) หรือคาวปลา (fishy) มักมีกลิ่นรุนแรงภายหลังการร่วมเพศ ซึ่งเกิดจากการทําปฏิกิริยากับ อสุจิ ซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง แล้ว
ปลดปล่อยกลิ่น ออกมา
ส่วนถ้าตกขาวขุ่นเขียวเหลืองๆ จะมีเลือดปนด้วยหรือไม่มี อาจเป็นการติดเชื้อเเบคทีเรียเช่นหนองใน หรือโปรโตซัวพวก Trichomonas
..........
ถ้าสงสัยผื่นเชื้อรา ลองทาพวกยาฆ่าเชื้อรา เช่น Clotrimazoleครีม Zalainครีม เป็นต้นครับ
การรักษาถ้าสงสัยเรื่องตกขาวติดเชื้อ คันช่องคลอดคือการรับประทานหรือสอดยาฆ่าเชื้อครับขึ้นกับว่าติดเชื้ออะไร เช่น ถ้าเเบคทีเรีย ส่วนใหญ่ให้ Metronidazole หรือ ถ้าเป็นเชื้อรา ก็เหน็บยาพวก Clotrimazole ครับ อาจปรึกษาเภสัชกรซื้อยามาก่อนได้ครับ
เเต่ถ้ามีไข้ มีปวดท้องน้อยร่วมด้วยเเสดงว่ามีการติดเชื้อถึงมดลูกเเล้วควรไปพบเเพทย์ทันทีครับ เพราะอาจต้องได้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อครับ
..........
ให้งดการสวนล้างช่องคลอด งดใส่กางเกงคับเเน่น อับชื้นครับ
ส่วนอาการปัสสาวะเเสบขัด
น่าจะเป็น กระเพาะปัสสาวะ หรือ ท่อปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย
อาการคือ
- ขณะถ่ายปัสสาวะ มีอาการแสบบริเวณปลายท่อปัสสาวะ หรือบริเวณปากช่องคลอด
- ถ้ามีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย ก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวัน กลางคืน ปัสสาวะแสบ ปัสสาวะขัด กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะแล้วรู้สึกว่าไม่สุดต้องไปปัสสาวะอีกแม้เพิ่งปัสสาวะเสร็จ
- บางคนอาจจะมีอาการปวด หรือแสบบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยทั้งตอนปวดและไม่ปวดปัสสาวะครับ
ปัจจัยเสี่ยง เช่น
1.มีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง และหลายครั้งในเวลาอันสั้น
2.ดื่มน้ำน้อย
3.กลั้นปัสสาวะนาน ๆบ่อยๆ
4.ผู้ที่เคยรับการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยการฉายแสงบริเวณกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะเพศมาก่อนครับ
......
การรักษา คือการรับประทานยาฆ่าเชื้อครับ เช่น Ciprofloxacin
ร่วมกับ การป้องกันคือ
- ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
- ดูแลความสะอาดบริเวณปลายท่อปัสสาวะและอวัยวะเพศ
- มีกิจกรรมทางเพศอย่างเหมาะสม โดยหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ควรไปปัสสาวะและทำความสะอาดบริเวณท่อปัสสาวะ รวมถึงอวัยวะเพศครับ
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานเกินไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
ลักษณะของคนไข้เหมือนมีการอักเสบ ติดเชื้อ ครับ เช่น เชื้อโปรโตซัว เช่น tricomanas ทำให้มี ช่องคลอดอักเสบ หรือ ปากมดลูกอักเสบ หรือเชื้อ แบคทีเรีย เช่น chlamydia หรือ Gardnerella ครับทำให้มีลักษณะตกขาวที่ผิดปกติ คือ มีสีเหลืองหรือเขียวปริมาณมาก จะเป็นแบบขุ่น หรือใสก็ได้ หรือมีกลิ่นเหม็นครับ
นอกจากนี้ อาจเป็นอาการแสดงของหนองในแท้ หรือ หนองในเทียมก็ได้ครับ โดยลักษณะอาการของผุ้หญิงมักไม่เฉพาะเจาะจง เช่นอาจมีตกขาวผิดปกติร่วมกับปัสสาวะแสบขัดได้ บางคนอาจพบแผลที่อวัยวะเพศได้ครับ
ซึ่งต้องอาศัยการตรวจร่างกายอีกครั้ง เพื่อดูลักษณะของมดลูกและปากมดลูกครับ
วิธีการรักษาของการติดเชื้อเหล่านี้ คือ การทานยาฆ่าเชื้อ หรือ ฉีดยาฆ่าเชื้อครับ
แนะนำให้คนไข้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและตรวจภายในเพิ่มเติมครับ และอาจตรวจตกขาว เพื่อยืนยันการวินิจฉัยครับ
ยังไม่แนะนำให้ซื้อยากินเองนะครับ เนื่องจากยาฆ่าเชื้อทีหลายชนิด จะรักษาให้ตรงจุดต้องรักษาให้ถุกกับเชื้อต่างๆที่นึกถึง ซึ่งต้องอาศัยการตรวจร่างกายและส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่ทเติมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มีอาการคันที่อวัยวะเพศค่ะ แล้วก็มีหนองออก แต่ไม่มีกลิ่น 2 วันต่อมามีอาการเจ็บ แสบตอนปัสสาวะ ควรทำอย่างไร มียาตัวไหนรักษาได้คะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)