สวัสดีค่ะ พอดีหนูเลิกทานยาคุมเมื่อเดือนธันวาคมปี61 พอเดือนมกราคม - พฤษภาคม 62 มีประจำเดือนตามปกติ แต่มาไม่ตรงเลื่อนไป 2-3 วัน ( โดยปกติก่อนที่จะทานยาคุมก็เป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้ว ) เมื่อเดือนพฤษภาคม ประจำเดือนมาวันที่ 26 ถึงวันที่ 30 เดือนมิถุนายน มีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่ 11 และ วันที่ 12 โดยการใส่ถุงยางอนามัย ทุกครั้ง วันที่ 26 มิถุนายน ประจำเดือนก็ยังไม่มา วันที่ 29 เลยตรวจหาการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะ ( เทสแบบหยด ) ผลคือ 1 ขีด จนวันนี้วันที่ 3 กรกฎาคม ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ *** อยากทราบว่าแบบนี้ท้องไหมคะ มีโอกาสท้องมั้ย แนะนำทีค่ะ ขอบพระคุณค่ะ ***

สวัสดีครับ การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้นถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ แต่ถ้าหากมีประจำเดือนขาดหายไปสิ่งที่ควรทำก่อนเป็นอันดับแรกก็คือควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูครับ การตรวจการตั้งครรภ์ที่จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้นั้นจะต้องเป็นการตรวจเมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ จึงจะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ซึ่งในกรณีนี้หมอไม่แน่ใจว่าคุณได้ใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจหรือไม่ ถ้าหากได้ใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจแล้วโอกาสที่ผลตรวจจะผิดพลาดและมีการตั้งครรภ์ก็มีได้น้อยมากครับ แต่ถ้าหากไม่แน่ใจก็อาจลองตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำอีกครั้งได้เมื่อห่างจากการตรวจครั้งแรกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ได้ ถ้าหากผลตรวจออกมาตรงกันผลตรวจก็ไม่น่าผิดพลาดแล้วครับ สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกตินั้นมีได้หลายอย่างนอกเหนือจากการตั้งครรภ์ เช่น - ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา - ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ - ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS) - ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ - ความเครียด - น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป - การออกกำลังกายอย่างหักโหม - ผลข้างเคียงของยาบางชนิด ซึ่งในกรณีนี้ก็อาจไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมดูก่อนได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนครับ