June 01, 2018 08:11
ตอบโดย
พิมพกา ชวนะเวสน์ (สูตินรีแพทย์)
การปวดประจำเดือน มีได้หลายแบบค่ะ
ทั้งการปวดแบบปกติ ที่ไม่ได้มีโรคอะไร (Primary dysmenorrhea)
และการปวดประจำเดือนแบบมีโรคแอบแฝง (Secondary dysmenorrhea)
ซึ่งลักษณะการปวดแบบที่อาจจะมีโรคแอบแฝง Secondary dysmenorrhea ที่พอสังเกตจากอาการได้ คือ จะมีการปวดที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกรอบเดือน ปีที่แล้วปวดเท่านี้ ปีนี้ปวดมากขึ้น ปีหน้าปวดมากขึ้นไปอีก อาการปวดจะเป็นนาน ไม่เหมือนการปวดแบบปกติ ที่มันจะปวดแค่วันแรกๆ ของประจำเดือน แล้วก็หายปวด
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอาการปวดประจำเดือน แล้วไม่แน่ใจว่าเป็นแบบไหน ควรไปปรึกษาแพทย์นะคะ การตรวจภายใน อัลตราซาวด์ จะช่วยหาสาเหตุได้ค่ะ ว่ามีโรคอะไรแอบแฝงรึเปล่า
โรคที่พบบ่อย ในผู้หญิงที่ปวดประจำเดือน คือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือ ช๊อกโกแลตซิสต์ค่ะ
ประจำเดือนปกติ จะมีลักษณะดังนี้ค่ะ
1. มาสม่ำเสมอ ทุก 24-35 วัน โดยส่วนใหญ่ จะมาทุก 28 - 30 วันค่ะ
2. มาครั้งละ 3-7 วันค่ะ
3. ใช้ผ้าอนามัย วันละ ประมาณ 2-3 แผ่นค่ะ
4. มีอาการปวดท้องน้อยได้เล็กน้อย ช่วงวันแรกๆ ไม่ปวดรุนแรงค่ะ
ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ โดยสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อย คือ เกิดจากภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรังค่ะ เมื่อไข่ไม่ตก เมนส์ก็ไม่มา บางครั้งมีเศษของเยื่อบุโพรงมดลูกหลุดออกมา (แต่ไม่ใช่ประจำเดือน) ก็จะมีลักษณะเป็นเลือดออกกระปริยกระปรอย มานานกว่าปกติ ได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นแค่สาเหตุที่พบส่วนใหญ่นะคะ การจะรู้ได้แน่นอน ต้องได้รับการตรวจภายใน ตรวจอัลตราซาวด์ หรือบางรายตรวจเลือดร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุก่อนค่ะ และรักษาตามสาเหตุ
บางสาเหตุ อย่างไข่ไม่ตกเรื้อรัง ใช้การรักษาด้วยยาฮอร์โมนได้ค่ะ แต่บางสาเหตู อาจต้องตรวจเพิ่มเติม และรักษามากกว่านั้น
เพราะฉะนั้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เป็นประเดือนครั้งที่2ของเดือนแล้วเป็น9วันแล้วค่ะ และปวดท้องประเดือนทุกวันเรย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)