August 13, 2019 21:29
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
อาจเป็นอาการของภาวะซึมเศร้าได้ครับ
เบื้องต้นแนะนำให้ หาเวลาออกกำลังกาย เช่น วิ่ง เต้นแอโรบิค, ดูภาพยนตร์ตลกหรืออ่านหนังสือการ์ตูนตลก, ระบายผ่อนคลายความเครียดบ้าง เช่น ร้องไห้ ตะโกน เขียนระบายความรู้สึก, พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ จะทำให้ลดความเครียด ความกังวลได้ครับ และสุดท้ายคือ มองโลกในแง่ดี คิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ครับ ส่วนโทรปรึกษาเบื้องต้นจะมีสายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323 ได้ครับ
โดยแบบประเมินโรคซึมเศร้ามีดังนี้ครับ
จะมีอาการดังต่อไปนี้ 5 อาการขึ้นไป โดยอาการมีดังนี้
1. อารมณ์ซึมเศร้า (เด็กและวัยรุ่นอาจจะเป็นอารมณ์หงุดหงิดแทนได้ครับ)
2. มีความสนใจในกิจกรรมต่างๆ แทบทั้งหมดลดลงมาก
3. นํ้าหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก (โดยเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน) หรือเบื่ออาหารหรือเจริญอาหารมากขึ้น
4. กระวนกระวาย หรือดูเชื่องช้าลง
5.นอนไม่หลับ/หลับมากไป
6. อ่อนเพลีย ไม่มีแรงแรง
7. มีสมาธิลดลง ใจลอย หรือลังเลใจ
8.รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า
9. มีความคิดเรื่องการตาย คิดอยากตาย
จะต้องมีอาการในข้อ 1 หรือ 2 อย่างน้อย 1 ข้อ และมีอาการเป็นอยู่นาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป และควรมีอาการเหล่านี้แทบจะตลอดเวลาครับ
ดีที่สุดน่าจะไปพบแพทย์เฉพาะทาง ทางด้านจิตใจ(จิตแพทย์)โดยเฉพาะครับ เพราะจะได้วินิจฉัยแยกโรคอื่นๆที่มีอาการคล้ายกัน เช่น ภาวะเศร้าการปรับตัวไม่ได้จากปัญหาที่มากระทบจิตใจ หรือ ภาวะวิตกกังวลครับ และคุณหมอจิตแพทย์จะชำนาญในการรักษาและให้ยา อีกทั้งจะได้ให้คำแนะนำและติดตามอาการครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
การที่มีความเครียดแล้วปรับตัวไม่ได้ มีโอกาสที่จะนำไปสู่ปัยหาสุขภาพจิต ได้แก่ โรคเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า ความผิดปกติทางบุคลิกภาพและการปรับตัว เป็นต้น
ในกรณีนี้อยากให้ลองทำแบบประเมินความเครียดด้วยตัวเองดูก่อนนะคะ
โดยสำรวจจากอาการภายใน 1-2 เดือน ว่ามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน โดยให้คะแนนตามระดับความรุนแรงของอาการดังนี้
ไม่เคยเลย 0 คะแนน
ครั้งคราว 1 คะแนน
บ่อยๆ 2 คะแนน
ประจำ 3 คะแนน
1. นอนไม่หลับ เพราะมีเรื่องกังวลใจหรือคิดมาก
2. รู้สึกหงุดหงิด รำคาญใจ
3. ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะประสาทตึงเครียด
4. รู้สึกวุ่นวายใจ
5. ไม่อยากพบปะผู้คน
6. ไม่มีความสุข รู้สึกเศร้าหมอง
7. ปวดหัวข้างเดียวหรือปวดขมับ 2 ข้าง
8. รู้สึกหมดหวังในชีวิต
9. รู้สึกว่าชีวิตตนเองไร้คุณค่า
10. กระวนกระวายตลอดเวลา
11. ขาดสมาธิ
12. อ่อนเพลีย ไม่มีแรงที่จะทำอะไร
13. เหนื่อยหน่ายไม่อยากทำอะไร
14. ใจเต้นแรง
15. เสียงสั่น ปากสั่น มือสั่นเมื่อรู้สึกไม่พอใจ
16. กลัวผิดพลาดในการทำสิ่งต่างๆ
17. ปวดเกร็งบริเวณท้ายทอย หลัง ไหล่
18. ตื่นเต้นง่ายกับเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
19. มึนงง วิงเวียนศีรษะ
20. ความสุขทางเพศลดลง ขาดความใส่ใจในการดูแลตัวเอง
หากรวมคะแนนได้มากกว่า 17 คะแนน หมายความว่ามีความเครียดในระดับที่สูงกว่าปกติ แนะนำพบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยแยกโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาตามแนวทางที่เหมาะสม
หากปล่อยให้มีอาการต่อเนื่องโดยไม่รักษา หรือรักษาไม่ถูกวิธี จะทำให้มีความเครียดสะสมและนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ง่ายค่ะ
การรักษาอาจใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาความเครียด ร่วมกับการทำจิตบำบัดฝึกผ่อนคลายความเครียดด้วยเทคนิคต่างๆ สิ่งสำคัญตัวผู้ป่วยเองควรหมั่นออกกำลังกาย ฝึกปรับความคิด รู้จักปล่อยวางในสิ่งต่างๆ สิ่งใดที่เราทำเต็มที่แล้ว ผลจะออกมาอย่างไรเราก็แค่ยอมรับมันให้ได้และหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
จากอาการที่เล่ามาค่อนข้างจะชัดเจนว่าอาการปวดหัวหรือว่าร้องไห้ตรงนี้สาเหตุมาจากความเครียดและความกดดันที่เรามีอยู่ โดยที่เราอาจจะชินกับการใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความกดดันแบบนี้มานานจนชิน แต่จริงๆแล้วการอยู่ในสภาพแบบนี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งก็ทำให้เราสะสมความเครียด และทำให้เมื่อมีเรื่องอื่นๆเข้ามาเรื่อยๆ เราก็หาทางออกให้กับอารมณ์และความเครียดนี้ด้วยการร้องไห้ อึดอัด และวิตกกังวลไปกับเรื่องของการเรียนและการสอบ
ซึ่งอาการเหล่านี้จริงๆแล้วควรที่จะได้รับการดูแล จากตัวหนูเอง ผู้ปกครอง คนในครอบครัว เพื่อนๆที่สนิทและไว้ใจ หรือแม้กระทั่งนักจิตวิทยาและจิตแพทย์เพื่อให้หนูสามารถรับมือกับเรื่องของความคิดวิตกกังวลและความเครียดที่มีในตัวได้ดีขึ้น ดังนั้นหากให้ผมแนะนำ ในเบื้องต้นลองดูนะครับว่าสามารถเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังในเรื่องอาการที่เราเป็นได้หรือไม่ เพื่อที่จะได้ให้พวกเขาพาหนูไปเข้ารับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญต่อไป
นอกจากนั้นการหันกลับมาดูแลตนเองให้มากขึ้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน โดยหนูสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ ซึ่งการแบ่งเวลาให้ตนเองออกมาจากเรื่องการสอบและการเรียนบ้างถือว่าเป็นแนวคิดหลักๆเลยในการรับมือกับความเครียดที่จะเกิดจากการเรียน นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความรู้สึกวิตกกังวลและความกลัวลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวครับ
สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งในเรื่องของอารมณ์ที่เกิดขึ้น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หนูจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
คือช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเครียดมากค่ะ ทั้งเรื่องเรียน การบ้าน สอบ งานเยอะมากๆจนวิตกกังวลไปหมด รู้สึกว่าอึดอัดเหมือนระแวงว่าจะมีสอบตลอด บางทีก็เศร้าทั้งๆที่ไม่รู้สาเหตุค่ะ ร้องไห้บ่อยมาก ที่ร้องออกมาก็เพราะแค่อยากร้องค่ะรู้สึกอึดอัดจนต้องร้องออกมาทั้งๆที่ไม่รู้ว่าร้องเกี่ยวกับเรื่องอะไร เคยเครียดมากๆครั้งหนึ่งคือเราร้องไห้หนักมากแล้วก็ทุบตีตัวเองค่ะ เพราะแค่รู้สึกว่าถ้าเราเจ็บ เราร้องออกมาให้หมดมันจะดีขึ้น เราปวดหัวบ่อยมากค่ะ แทบจะวันเว้นวัน ส่วนใหญ่ปวดหัวข้างเดียวค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)