July 09, 2018 20:44
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
การรับประทานยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนให้ได้ผลทันทีตั้งแต่เม็ดแรก จะต้องรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนครับ
แต่ถ้ารับประทานช้ากว่านั้น จะต้องรับประทานยาต่อเนื่องอย่างน้อย 7 วัน ยาจึงจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด โดยในระหว่างที่ยังรับประทานยาไม่ครบ 7 วันนั้น จะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้งครับ
ทั้งนี้ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนจะมีประสิทธิภาพการคุมกำเนิดอยุ่ที่ประมาณ 91-99% โดยถ้ายิ่งรับประทานได้สม่ำเสมอและตรงเวลามาก ประสิทธิภาพของยาก็จะใกล้เคียงกับ 99% มากขึ้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เมื่อหยุดใช้ การกลับมารับประทานใหม่ก็ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับการใช้ยาคุมแผงแรกค่ะ นั่นคือ
1. หากใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะมีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน
2. หากใช้ไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน (ใช้ได้ในกรณีที่ไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์อยู่) จะต้องใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้
..
..
..
ดังนั้น หากวันที่จะมีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง อยู่หลังวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมา ให้เริ่มใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนค่ะ แต่ถ้าใช้ไม่ทันช่วงนั้น ให้ใช้ก่อนที่แฟนจะมา 1 สัปดาห์นะคะ
เช่น สมมติว่าแฟนจะมาวันพุธหน้า ให้เริ่มรับประทานยาคุมตั้งแต่วันพุธนี้ เพราะเมื่อใช้ติดต่อกันจนครบ 7 วัน ก็จะมีผลคุมกำเนิดได้ทันเวลาพอดีค่ะ แต่การใช้วิธีนี้ จะทำให้ฮอร์โมนของคุณแปรปรวนและประจำเดือนเลื่อนไปตามลักษณะการใช้ยาคุมนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ถ้าเดือนนี้ไม่ได้อยู่กับแฟนและไม่กินยาคุม เดือนหน้าต้องกินยาคุมช่วงไหนคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)