สวัสดีค่ะคุณหมอ อยากจะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ค่ะ เป็นแค่การถูไถอวัยวะเพศกับแฟนแค่ภายนอก และพยายามที่จะสอดของฝ่ายชายเข้าไปในของฝ่ายหญิงไม่ใด้ใช้ถุงยางค่ะ แต่ไม่น่าจะเข้าค่ะหรืออาจจะเจ้านิดหน่อยไม่เเน่ใจค่ะ มีน้ำหล่อลื่นเลอะตรงอวัยวะเพศค่ะ หลังจากนั้นใช้นิ้วที่เปื้อนน้ำหล่อลื่นตรงอวัยวะเพศนิดหน่อยสอดเข้าไปแทนค่ะ สอดใช้นิ้วไม่นานมากไม่เกิน 1 นาที อยากทราบว่าการใช้นิ้วเลอะน้ำหล่อลื่นของผู้ชายสอดเข้าไปจะทำให้ท้องได้มั้ยคะ วันที่มีเพศสัมพันธ์คือวันที่เป็นประจำเดือนวันที่ 3 นับจากวันแรกที่มา หลังจากวันที่4-5 ประจำเดือนเป็นสีคล้ำมีผลมั้ยคะ สังเกตยังไงว่าจะท้องหรือไม่ท้อง หรือเป็นช่วงตกไข่รึป่าว ระยะการมาของประจำเดือนห่างกันประมาณ 32 วันของแต่ละเดือนค่ะ รบกวนตอบหน่อยนะคะว่ามีสิทธิ์ท้องไหม ขอบคุณมากๆค่ะ

สวัสดีครับ
โดยปกติแล้วการมีเพศสัมพันธ์โดยการถูไถภายนอกหรือการใช้นิ้วที่อาจเปื้อนน้ำหล่อลื่นหรือน้ำอสุจิอยู่สอดใส่เข้าไปในช่องคลอดนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ครับ

แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงในกรณีนี้คือหมอไม่ทราบว่ามีการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปได้ลึกมากน้อยเพียงใด เพราะถ้าหากสอดใส่เข้าไปได้ลึกถึงระดับหนึ่งก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ครับ

ถ้าหากไม่มั่นใจในกรณีนี้ก็อาจหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อนได้ โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

ถ้าหากอวัยวะเพศชายเข้าไปได้ 3-5 เซนติเมตรแล้วก็ต้องถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดภายใน 120 ชั่วโมง (5 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ

ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายอาจมีอสุจิปนอยู่ได้ครับ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินในกรณีนี้หมอแนะนำให้รับประทานในทันทีที่ทำได้ โดย
- ถ้าหากเป็นยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อที่มี 1 เม็ดก็ให้รับประทานยาเม็ดนั้นเม็ดเดียวในทันที
- ถ้าหากเป็นยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อที่มี 2 เม็ด ก็ให้รับประทานยา 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียวครับ

ใช่ครับ หมอแนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินทันทีที่ทำได้ และรับประทานยาทุกเม็ดในแผงในครั้งเดียวเลย และยาคุมก็จะช่วยยับยั้งการตกไข่ได้ครับ

ส่วนเรื่องประจำเดือนนั้น
- ถ้าหากเดิมเป็นคนที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมออยู่แล้ว ประจำเดือนก็มักจะยังมาใกล้เคียงกับกำหนดประจำเดือนเดิมอยู่ หรือถ้าจะมีการคลาดเคลื่อนก็มักคลาดเคลื่อนไม่เกิน 4-5 วันครับ
- ถ้าหากเดิมเป็นคนที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินก็จะคาดการณ์ได้ยากว่าประจำเดือนจะมาอีกครั้งเมื่อไหร่ เนื่องจากมีปัญหาประจำเดือนที่ผิดปกติอยู่ตั้งแต่แรกครับ

ในทางทฤษฎีนั้นจะบอกว่าการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือนจะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้น้อยเนื่องจากมักไม่มีการตกไข่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวครับ

แต่ในทางปฏิบัตินั้นหมอแนะนำว่าไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาใดของรอบเดือนก็ตามก็ควรมีการป้องกันเสมอครับ เนื่องจากในบางรอบเดือนก็อาจมีการตกไข่ในช่วงเวลาที่ไม่ควรจะเป็นเกิดขึ้นได้ครับ

ใช่ครับ เพราะการรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้ได้ผลป้องกันการตั้งครรภ์ที่ดีที่สุดนั้นจะต้องรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์

แต่ถึงแม้จะเลย 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์มาแล้วในปัจจุบันก็ยังมีการอนุโลมให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินได้ถึงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ถึงแม้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินในช่วงเวลานี้จะมีประสิทธิภาพที่ด้อยกว่าการรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เลยครับ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นจะมีผลข้างเคียงทำให้มีเลือดออกกระปริกกระปรอยทางช่องคลอดได้โดยเฉพาะในช่วง 1 สัปดาห์แรกของการรับประทานยาครับ

จากระยะเวลาและลักษณะเลือดตามที่อธิบายมาจึงมีโอกาสเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากยาคุมฉุกเฉินได้ครับ

เลือดที่ออกมาจากผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินจะหายไปได้เอง 3-7 วันครับ ส่วนอาการปวดท้องน้อยนั้นถ้าเป็นอาการปวดเพียงเล็กน้อยไม่ได้รุนแรงก็อาจเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินเช่นกัน

การที่ทราบได้ว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่นั้นทำได้อยู่ 2 วิธีหลักๆครับ คือ
1. ถ้าเมื่อครบกำหนดประจำเดือนมาได้มีประจำเดือนมาตามปกติก็จะบ่งบอกได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์
2. ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปหลังมีเพศสัมพันธ์ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อนครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้สอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในช่องคลอดโดยตรงจะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ครับ เนื่องจากอสุจิที่ออกมาสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกแล้วก็จะมีการเสื่อมสภาพไปในเวลาอันรวดเร็ว

จากเหตุการณ์นี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ครับ

โดยปกติในช่องคลอดจะมีสารหล่อลื่นอยู่เล็กน้อยได้อยู่แล้วครับ ดังนั้นแม้จะไม่มีอารมณ์ทางเพศหรือถูกกระตุ้นก็อาจมีเมือกเหนียวๆออกมาจากช่องคลอดได้ครับ