December 12, 2018 18:10
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกติค่ะ ผู้ใช้จึงยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา
หากผู้ถามใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบที่มีแผงละ 2 เม็ด และรับประทานวิธีดั้งเดิม คือ แยกเป็น 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง ก็จะต้องรับประทานเม็ดที่สองต่อตามเวลานะคะ เพราะถ้าใช้ไม่ครบขนาด จะไม่มีผลในการป้องกันฉุกเฉินค่ะ จึงมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ตามปกติ เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่ได้ใช้ยานั่นเอง
และหากเกินเวลา 12 ชั่วโมงมาแล้ว แต่ยังไม่เกิน 24 ชั่วโมงจากเวลาที่รับประทานเม็ดแรก ก็ยังสามารถรับประทานได้นะคะ แต่ประสิทธิภาพอาจลดลงเมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานตรงเวลาค่ะ
หรือถ้าเกิน 24 ชั่วโมงจากเม็ดแรกมาแล้ว ถ้ายังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ซื้อแผงใหม่มารับประทานโดยเร็วนะคะ โดยรับประทานแบบหมดแผงในครั้งเดียวไปเลย นั่นคือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียวค่ะ
เมื่อรับประทานไปแล้วให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ ถ้าไม่มี ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
และระหว่างที่รอให้ประจำเดือนมา ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์อีก แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพราะถ้าใช้ถูกต้อง และไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์แค่ 2% ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ก็ขึ้นอยู่กับวันที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยครับ
- ถ้าก่อนหน้านี้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ มีเพศสัมพันธ์ช่วง ก่อน7วันถึงหลัง7วัน นับจากวันที่ประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นระยะปลอดภัย ไม่มีไข่ตก โอกาสท้องน้อยมาก
- เเต่ถ้าเดิมประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ กะเวลาตกไข่ยาก หรือมีเพศสัมพันธ์ช่วงที่ไม่ใช่ระยะปลอดภัย โดยเฉพาะ14วันนับจากประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นช่วงไข่ตก โอกาสท้องจะสูง
เบื้องต้นเเนะนำ ซื้อแผงใหม่ ถ้ายังไม่เกิน 72 - 120 ชม ยิ่งช้ายิ่งมีโอกาสท้อง
เเล้วกินทีเดียวสองเม็ดเลยครับ
หลังรับประทานยาจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ไปตรวจการตั้งครรภ์นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องนั้นจะต้องรับประทานภายในเวลาไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ และสามารถรับประทานได้ 2 วิธี คือ
1. รับประทานพร้อมกันทีเดียว 2 เม็ด
2. รับประทานทีละ 1 เม็ดห่างกันเม็ดละ 12 ชั่วโมง
ซึ่งจะรับประทานด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้เพราะจะทำให้ได้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ใกล้เคียงกัน คือ ลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ประมาณ 75-85% ครับ
แต่ถ้าหากไม่ได้รับประทานตามวิธีข้างต้น ยาคุมฉุกเฉินก็จะไม่สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ
ในกรณีที่ไม่ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่ 2 ภายใน 12 ชั่วโมงหลังรับประทานยาเม็ดแรก หมอแนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่ 2 ให้เร็วที่สุดถ้าหากยังไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังรับประทานยาเม็ดแรกครับ
แต่ถ้าหากเลย 24 ชั่วโมงหลังรับประทานยาเม็ดแรกไปแล้วก็ควรซื้อยาคุมฉุกเฉินแผงใหม่มารับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยหมอแนะนำให้รับประทานยา 2 เม็ดพร้อมกันในทันทีครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
หนูมีเพศสัมพนธ์ครั้งแรกค่ะแล้วได้กันเสร็จแล้วได้กินยาคุมฉุกเฉิน ทันทีแต่ไม่ได้กินเม็ดที่2ต่อนะคะจะมีสิทธิท้องไหมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)