สวัสดีค่ะคุณหมอ อยากถามว่าปกติกินยาคุมแบบ 21 เม็ดและกินสม่ำเสมอ ประจำเดือนจะมาตรงกันทุกเดือนคือ ยาเม็ดสุดท้ายหมดวันพุธ ประจำเดือนจะมาวันจันทร์ แล้ววันพฤหัสบดี ก็จะเริ่มแผงใหม่ ซึ่งเดือนนี้ประจำเดือนมาวันแรกคือ วันจันทร์ ที่ 3 กันยา และเริ่มกินเม็ดแรกคือวันพฤหัสบดี ที่ 6 ถ้าเป็นปกติประจำเดือนจะมาอีกที วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม และในระหว่างเดือนได้มีอะไรกับแฟน 1 ครั้ง คือวันที่ 9 กันยายน แล้ววันที่ 16 กันยายน ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล เนื่องจากเป็นซีสต์อักเสบที่กลางหน้าอก แล้วหมอได้สั่งยา Dicloxacillin 500 mg เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ซึ่งตอนนี้ยายังไม่หมด ยังกินอยู่ วันละ 4 ครั้ง ซึ่งระหว่างที่กินยามีอาการ ปวดท้อง แล้วเวลาเข้าห้องน้ำฉี่ออกน้อยกว่าปกติ ทั้งที่ปวดมาก แล้ววันนี้ตอนเข้าห้องน้ำเหมือนประจำเดือนมา แบบน้อยมากติดกางเกงใน ไม่ทราบว่ามีอาการผิดปกติอะไร หรือว่ามีโอกาสท้องมั้ยคะ

1. ผู้ที่ใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ด จะมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่าง 7 วันก่อนต่อแผงใหม่ โดยปกติมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน แต่ก็อาจคลาดเคลื่อนได้เล็กน้อยค่ะ ถ้ามีประจำเดือนมาตามนี้ก็ไม่ถือว่าผิดปกตินะคะ

และเมื่อคุณเริ่มใช้ยาคุมวันที่ 6 กันยายน หากรับประทานถูกต้อง ก็จะได้รับประทานเม็ดสุดท้ายของแผงในวันที่ 26 กันยายน และหลังจากนั้นก็จะมีประจำเดือนมาตามปกติค่ะ

ดังนั้น หากเลือดที่ออกมาไม่ได้เกิดจากสาเหตุของการเจ็บป่วย ก็น่าจะเป็นเลือดประจำเดือนที่กำลังจะมาตามปกติก็ได้ค่ะ ซึ่งหากเป็นประจำเดือนจริง ๆ หลังจากนี้ก็น่าจะมีเลือดออกมากขึ้น และมาต่อเนื่องกันเรื่อย ๆ ค่ะ

2. หากรับประทานยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก แค่ 0.3% และการใช้ยา Dicloxacillin ไม่ได้ลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดค่ะ

3. หากยังมีอาการไม่ปกติ เช่น ปวดท้อง ปัสสาวะบ่อย หรือปัสสาวะขัด แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมนะคะ เพราะไม่น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยา จึงควรตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ