February 19, 2019 13:13
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ยาคุมกำเนิดรุ่นใหม่ๆ ช่วยลดสิวได้ครับ เช่น Yaz yazmin oilez
ทั้งหมดเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมครับ
เริ่มกินในวันที่1-5นับจากประจำเดือนมาวันเเรก(เพราะชัวร์ว่าไม่ได้ท้องเเละยาออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ คุมกำเนิดได้เลย) หรือกินช่วงไหนของเดือนก็ได้เเต่ต้องชัวร์ว่าไม่ท้อง เเละต้องกินไปอย่างน้อย7วันจึงจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดครับ
ถ้าเป็นแผง21เม็ดหลังกินหมดเเผง ให้เว้น 7 วัน เเล้วเริ่มเเผงใหม่ครับ เเต่ถ้าเป็น28เม็ดเมื่อหมดเเผงให้กินเเผงต่อไป ต่อไปเลยครับ
ถ้ากรณี21เม็ด ช่วงที่เว้น7วันก่อนเริ่มยาแผงใหม่จะมีประจำเดือนมา
สว่นกรณี28เม็ด ช่วงที่กิน7เม็ดสุดท้าย(เม็ดเเป้ง) จะมีประจำเดือนมา ครับ
ผลข้างเคียงคือ คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม บวม
ใช้นานๆระยะยาวอาจมีฝ้าได้
(เเนะนำให้กินก่อนนอน จะได้ไม่ลืมเเละลดผลข้างเคียงเรื่องคลื่นไส้อาเจียน)
ควรหลีกเลี่ยงการกินยากรณีที่
- ให้นมลูกอยู่ เพราะยาทำให้น้ำนมไหลน้อยได้
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ เคยเป็นโรคหัวใจ โรคสมองขาดเลือด ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา เป็นต้นครับ
ส่วนวิธีคุมกำนิดอื่นๆ
ยาฉีดคุมกำเนิด ฉีดเข็มเดียวได้3เดือน คุมกำเนิดได้ดี เเต่อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอย เดือนหลังๆมักจะค่อยๆหายไปจนไม่มีประจำเดือน น้ำหนักขึ้น สิวขึ้นได้ หากหยุดฉีดเเล้วต้องการให้ประจำเดือนมาปกติพร้อมที่จะมีลูกอีกครั้งใช้เวลานาน 9-12 เดือนครับ (เเบบฉีดราย 1 เดือนก็มีครับ ประจำเดือนตามรอบเหมือนยากินเเบบฮอร์โมนรวมครับ)
ยาฝังคุมกำเนิด ฝังหนึ่งครั้งได้3-5ปี คุมกำเนิดได้ดี เเต่อาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอยได้ ราคาค่อนข้างสูง เเต่สาธารณสุขเหมือนจะมีโครงการฝังฟรีครับ เวลาฝังอาจเจ็บได้ ต้องมาเอาออกเวลาครบกำหนด
การทำหมัน ชาย เเละ หญิง คุมกำเนิดได้ดี ไม่มีผลกระทบกับอารมณ์ทางเพศ เพียงเเต่เเก้ยากหากต้องการมีบุตรอีก ต้องทำโดยเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
อนรรฆวี ฉง (พญ.)
ยาคุมกำเนิดมีค่อนข้างหลากหลายเลยค่ะ แต่ก่อนที่จะรับประทานยาคุมกำเนิด หมอแนะนำว่าควรไปตรวจว่ามีภาวะที่ไม่ควรรับประทานยาคุมกำเนิดหรือไม่ค่ะ โดยเบื้องต้นจะมีการตรวจปัสสาวะยืนยันการตั้งครรภ์หากไม่ได้เริ่มรับประทานในช่วงที่มีประจำเดือน ส่วนข้อห้ามในการรับประทานยาคุม ได้แก่
●ข้อห้ามโดยเด็ดขาด (Absolute Contraindications)
•ผู้ที่มีโรค/เคยเป็นโรค/ประวัติเสี่ยง (รวมถึงประวัติญาติพี่น้องสายตรง) ของภาวะหลอดเลือดดำอักเสบ โรคลิ่มเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ
•การทำงานของตับผิดปกติ (ต้องรักษาให้ค่าตับปกติก่อน จึงจะใช้ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมได้)
•มะเร็ง (หรือสงสัย) มะเร็งเต้านม
•เลือดออกจากทางช่องคลอดที่ยังไม่ทราบสาเหตุ
•ตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าจะตั้งครรภ์
•ผู้ที่สูบบุหรี่และมีอายุตั้งแต่ 35 ปี ขึ้นไป
•ไขมันในเลือดสูงมาก ยังควบคุมไม่ได้ (Severe hypercholesterolemia or hypertriglyceridemia > 750 mg/dL)
•ความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมไม่ได้
●ข้อห้ามโดยอนุโลม (Relative Contraindications)
•ปวดศีรษะไมเกรน อาจลองใช้ได้ขนาดต่ำๆ ในไมเกรนชนิดที่ไม่มีออร่า
•โรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้แล้ว ไม่สูบบุหรี่และอายุน้อยกว่า 35 ปี
•เนื้องอกมดลูก (Uterine leiomyoma)
•เบาหวาน และ ประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์ผู้ที่
•เตรียมจะเข้ารับการผ่าตัด
•โรคลมชัก (ยากันชักบางชนิดจะลดระดับยาคุมกำเนิดในเลือด)
•ประวัติดีซ่านขณะตั้งครรภ์ (Obstructive jaundice in pregnancy)
•โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle cell disease)
•โรคถุงน้ำดี
•โรคลิ้นหัวใจชนิด Mitral valve prolapse
•โรคแพ้ภูมิตัวเอง
•ภาวะไขมันในเลือดสูงที่ควบคุมได้
ซึ่งแนะนำว่าอาจจะต้องปรึกษาแพทย์ใกล้บ้านหรือสูตินรีแพทย์หากมีข้อดังข้างต้นค่ะ หากไม่มีก็สามารถเริมยาคุมกำเนิดได้ โดยอาจจะปรึกษาแพทย์ใกล้บ้าน แต่หมอจะแนะนำให้เริ่มเป็นยาคุมฮอร์โมนรวมชนิดฮอร์โมนต่ำก่อนค่ะ เช่นพวก Yaz yasmin เป็นต้นค่ะ อาจจะมีเลือดออกกระปริบกระปรอยได้บ้าง แต่ว่าผลข้างเคียงอื่นๆจะน้อยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
อยากให้แนะนำ ยาคุมกำเนิด ค่ะ ทานตัวไหนดี ไม่เคยทานมาก่อนค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)