แม้อาการของโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะจะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ก็ยังอยากให้คุณสังเกตอาการต่างๆ เหล่านี้ด้วยเช่นกัน
การจัดการกับโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
ใครก็ตามที่เคยเป็นโรคนี้แล้วจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ให้กลับมาเป็นอีกครั้ง UTI เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเชื้อโรคจะเดินทางไปยังท่อปัสสาวะและเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะในที่สุด จากสถิติพบว่า ผู้หญิง 10 ใน 25 คน เคยเป็นโรค UTI และ 3 ใน 25 คน ยังคงมีอาการของโรคอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการรักษาสุขอนามัยที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การเช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศให้แห้งเสมอหลังจากเข้าห้องน้ำ และวิธีการเช็ดที่ถูกต้องคือเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ทางเดินปัสสาวะ ถ่ายปัสสาวะและทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ทำความสะอาดหนังหุ้มปลายองคชาติเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการฉีดล้างเข้าไปในช่องคลอด เป็นต้น แต่ทว่าด้วยลักษณะร่างกายของผู้หญิงทำให้สาวๆ มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้ง่ายกว่าผู้ชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของสาวๆ นั้นสั้นกว่าของผู้ชายมาก เชื้อโรคบริเวณปากท่อปัสสาวะจึงเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายกว่านั่นเอง นอกจากนี้ ปากท่อปัสสาวะของผู้หญิงมีลักษณะเปิดออกสู่ภายนอกในบริเวณใกล้กับช่องคลอดและ
ทวารหนัก จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ทั้งจากช่องคลอดและจากทวารหนัก นอกจากนี้ UTI อาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเนื้อเยื่อบริเวณอวัยวะเพศซึ่งรวมถึงท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะเกิดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ จึงส่งผลให้ติดเชื้อได้ง่าย
ศึกษาอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้ เพราะหากคุณมีอาการจะได้พบและปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
อาการปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ
อาการปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะเป็นอาการหนึ่งของการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ อาการแสบแปลบดังกล่าวเรียกว่า อาการปวดขัด ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองหรือติดเชื้อที่เนื้อเยื่อบริเวณทางเดินปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรือบริเวณใกล้ๆ อวัยวะเพศ ภายหลังได้รับเชื้อแบคทีเรียแล้ว เชื้อจะทำลายเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ จากนั้นปัสสาวะที่เป็นกรดจะเปรียบเหมือนแอลกอฮอล์ที่กำลังราดลงไปบนแผลทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนนั่นเอง
ปัสสาวะบ่อยๆ
หากคุณพบว่าตัวเองต้องเดินเข้าห้องน้ำตลอดทั้งวัน และรู้สึกว่ากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ อาการเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน เมื่อพบว่าคุณต้องเข้าห้องน้ำมากกว่า 8 ครั้งใน 24 ชั่วโมง และหลายครั้งในช่วงกลางดึก ให้สันนิษฐานได้เลยว่าคุณกำลังเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะอยู่นั่นเอง
กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ !!!
คุณจะรู้สึกว่าอยู่ๆ คุณก็อยากปัสสาวะขึ้นมาดื้อๆ และมีอาการปวดปัสสาวะแบบเฉียบพลัน อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดการติดเชื้อมาได้สักระยะ โดยปกติแล้วเราจะสามารถกลั้นปัสสาวะได้ในช่วงเวลาหนึ่งก่อนจะเข้าห้องน้ำ แต่ถ้ามีการติดเชื้อ อาการปวดปัสสาวะจะไม่สามารถควบคุมได้เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะบีบตัวก่อนที่จะมีปัสสาวะอยู่เต็มซึ่งทำให้คุณต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
ปัสสาวะมีสีเข้มและขุ่นผิดปกติ
หากพบว่าสีปัสสาวะของคุณไม่มีสีเหลืองจางใสเช่นเคย สันนิษฐานได้เลยว่าอาจมีบางสิ่งผิดปกติกับร่างกายของคุณ โดยปกติแล้วปัสสาวะจะประกอบไปด้วยของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการ ไม่ว่าจากอาหาร เครื่องดื่ม หรือยาต่างๆ ที่ทานเข้าไป แบคทีเรียธรรมชาติ พิษที่ร่างกายขับออกมา และสารต่างๆ ที่ร่างกายไม่ต้องการ หากกระเพาะปัสสาวะหรือทางเดินปัสสาวะเกิดการติดเชื้อ ปัสสาวะของคุณจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม ขุ่น และอาจมีเยื่อสีขาวปนออกมาด้วย
ปัสสาวะมีกลิ่นแรงหรือเหม็นผิดปกติ
ปกติแล้วปัสสาวะของเราไม่ควรมีกลิ่นเหม็น ซึ่งยาหรืออาหารบางชนิด เช่น หน่อไม้ฝรั่ง อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นอับได้ แต่ถ้าหากคุณไม่ได้ทานยาหรืออาหารที่เป็นสาเหตุของกลิ่น อาจต้องให้ความสำคัญกับความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินปัสสาวะของคุณ ในขณะที่ปัสสาวะที่มีกลิ่นของน้ำตาลหรือความหวานบ่งชี้ถึงโรคเบาหวานที่ไม่มีการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กลิ่นเหม็นอับของปัสสาวะจึงบ่งชี้ถึงการติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะหรือติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะนั่นเอง
มีอาการปวดบริเวณท้องน้อย หลัง และเอวด้านข้าง
อาการปวดบางประเภทสามารถบ่งชี้ถึงการติดเชื้อที่เกิดขึ้นได้ เช่น หากคุณมีอาการปวดบริเวณหลังและเอวด้านข้าง นั้นหมายความว่าคุณกำลังติดเชื้อที่ไต หรืออยู่ในภาวะกรวยไตอักเสบ หากคุณมีอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานหรือท้องน้อย อาจเป็นอาการของการติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะหรือเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่ในผู้ชายการติดเชื้อในท่อปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะอักเสบ โดยทั่วไปจะมีอาการระคายเคืองและปวดบริเวณปลายอวัยวะเพศ ซึ่งมีผู้ป่วยชายที่มีอาการเหล่านี้กว่า 80,000 รายต่อปี อาการของต่อมลูกหมากอักเสบนี้ เกิดจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังส่วนล่าง เจ็บที่อวัยวะเพศ อัณฑะ ทวารหนัก และบริเวณระหว่างอัณฑะและทวารหนัก เป็นต้น
ปัสสาวะเป็นสีแดงหรือสีชมพู
ถ้าสังเกตเห็นว่าปัสสาวะของคุณเป็นสีที่ชมพู อาจบ่งชี้ได้ว่ามีอาการเลือดออกภายใน ซึ่งเป็นอาการของโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะหรือโรคนิ่วในไตก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม การปัสสาวะออกมาเป็นสีแดงหรือสีชมพูอาจเป็นสัญญาณบอกถึงโรคร้ายแรง อย่างมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหรือมะเร็งที่ไตได้ ดังนั้นควรรีบพบแพทย์หากคุณสังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น
หากคุณสงสัยว่าคุณมีอาการของโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ ควรรีบพบแพทย์
อาการเจ็บปวดต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากการเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ การพบแพทย์และได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งจำเป็น แพทย์จะให้คุณทานยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียซึ่งจะมีผลภายในไม่กี่วัน แต่หากการติดเชื้อไม่ได้รับการรักษา อาการอาจลุกลามไปเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือเชื้ออาจลุกลามไปยังไต ทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา เช่น ปวดหลังอย่างรุนแรง มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ และอาเจียน ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.rd.com/health/cond...