กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

Norfloxacin (นอร์ฟลอกซาซิน)

เผยแพร่ครั้งแรก 1 พ.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 8 เม.ย. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ยา Norfloxacin เป็นยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรีย นิยมใช้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และต่อมลูกหมากอักเสบจากการติดเชื้อ
  • ขนาดยา Norfloxacin มีอยู่ 3 ขนาดด้วยกัน คือ ขนาด 100 มิลลิกรัม ขนาด 200 มิลลิกรัม และขนาด 400 มิลลิกรัม ซึ่งปริมาณยาแต่ชนิดนั้น จะใช้รักษาอาการติดเชื้อที่แตกต่างกันไป
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง ต้องระมัดระวังการใช้ยา Norfloxacin ให้ดี เช่น ผู้ที่มีภาวะโพแทสเซียมต่ำ ผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายไต ปอด หรือหัวใจ ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง
  • ยา Norfloxacin สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้หลายอย่าง เช่น เบื่ออาหาร เป็นผื่นลมพิษ มีเลือดปนในปัสสาวะ ชาปลายมือปลายเท้า หัวใจเต้นผิดปกติ
  • ยา Norfloxacin จัดเป็นยาอันตรายที่ต้องจ่ายผ่านเภสัชกรเท่านั้น และถึงแม้ยาจะมีสรรพคุณรักษาอาการหลายอย่าง แต่คุณก็ควรไปพบแพทย์เมื่อเจ็บป่วย และไม่ควรซื้อยารับประทานเอง (ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั้งผู้หญิง และผู้ชายทุกวัยได้ที่นี่)

Norfloxacin หรือนอร์ฟลอกซาซิน เป็นยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ โดยนิยมนำมาใช้รักษาผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และต่อมลูกหมากอักเสบจากการติดเชื้อ 

ตัวอย่างยี่ห้อยา Norfloxacin ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย

Gonorcin, Janacin, Manoflox, M-Flox 400, Norbactin, Norflocin, Norflox Osoth, Norflox RX, Norfloxacin Community Pharm, Norfloxin, Norfloxyl, Norxacin, Noxine, Proxinor, Rexacin, Sefnor และ Urinox

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

รูปแบบและส่วนประกอบของยา Norfloxacin

Norfloxacin เป็นยาปฏิชีวนะสำหรับรับประทาน อยู่ในรูปแบบยาเม็ด มี 3 ขนาดด้วยกัน ได้แก่ นอร์ฟลอกซาซินขนาด 100 มิลลิกรัม 200 มิลลิกรัม และ 400 มิลลิกรัม

กลไกการออกฤทธิ์ของยา Norfloxacin

Norfloxacin เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolone) มีกลไกการออกฤทธิ์โดยยับยั้งการสังเคราะห์ DNA ผ่านกระบวนการยับยั้งเอนไซม์ดีเอ็นเอ ไจเรส (DNA gyrase) และเอนไซม์โทพอยโซเมอเรส 4 (Topoisomerase IV) ยานี้มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อได้กว้างขวาง ทั้งต่อเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก และแบคทีเรียแกรมลบ

ข้อควรระวังในการใช้ยา Norfloxacin

  • ไม่ใช้ยา Norfloxacin ในผู้ป่วยที่แพ้ยานี้ หรือแพ้ยาในกลุ่มควิโนโลน (Quinolones)
  • ไม่ใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงชนิด Myasthenia gravis ผู้ป่วยเอ็นอักเสบ หรือมีประวัติเอ็นเสียหายเนื่องจากการใช้ยาควิโนโลน
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพต่อไปนี้ ควรใช้ยา Norfloxacin อย่างระมัดระวัง
    • ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยากลุ่มเบต้า-แลคแตม (Beta-lactam)
    • ผู้ป่วยที่มีปัญหาการเต้นของหัวใจแบบ QT interval prolongation
    • ผู้ป่วยที่มีภาวะโพแทสเซียมต่ำ
    • ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง หรือมีปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดการชัก
    • ผู้ที่มีการปลูกถ่ายไต ปอด หรือหัวใจ
    • ผู้ป่วยโรคไต
    • สตรีมีครรภ์ และสตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ยานี้อาจก่อให้เกิดอาการมึนงงและวิงเวียนศีรษะได้ จึงไม่ควรขับรถหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้เครื่องจักรหลังจากรับประทานยา 
  • ผู้ป่วยอาจไวต่อแสงมากยิ่งขึ้นในระหว่างที่ใช้ยานี้ จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรืออยู่ท่ามกลางแดดจ้า

ข้อบ่งใช้ของยา Norfloxacin

  • รักษาต่อมลูกหมากอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ชนิดเรื้อรัง ปริมาณการใช้ยาในผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 28 วัน
  • รักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะชนิดเรื้อรังที่กลับมาเป็นซ้ำ ปริมาณการใช้ยาในผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ อาจลดปริมาณยาเหลือวันละ 1 ครั้ง หากการรักษาสามารถต้านทานเชื้อได้ดีพอภายในช่วง 4 สัปดาห์แรก
  • รักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ชนิดมีภาวะแทรกซ้อน ปริมาณการใช้ยาในผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 10-21 วัน
  • รักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ชนิดไม่มีภาวะแทรกซ้อน สำหรับการติดเชื้อ E. coli, Klebsiella pneumoniae, และ Proteus mirabilis รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3 วัน สำหรับการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น ให้รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7-10 วัน 
  • รักษาอาการอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษในนักท่องเที่ยว (Traveler’s diarrhea) ปริมาณการใช้ยาในผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3 วัน 

ข้อปฏิบัติเมื่อลืมรับประทานยา Norfloxacin

หากลืมรับประทานยา Norfloxacin ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ตามปริมาณปกติ แต่หากใกล้ถึงเวลารับประทานในครั้งถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาในมื้อถัดไปได้เลย และไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Norfloxacin

การใช้ยา Norfloxacin อาจทำให้มีอาการข้างเคียงที่ไม่รุนแรง เช่น มึนงง ปวดศีรษะ ง่วงซึม คลื่นไส้ ปวดเกร็งท้อง ท้องเสีย อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องผูก แน่นท้อง แต่หากอาการเหล่านี้ไม่หายไป หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์ 

ในกรณีที่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที 

  • อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หน้าบวม ปากบวม คอบวม แน่นหน้าอก หรือหายใจลำบาก
  • ปัญหาเกี่ยวกับตับอ่อน เช่น ปวดท้องหรือปวดหลังอย่างมาก ถ่ายท้อง หรืออาเจียนอย่างรุนแรง
  • ปัสสาวะขัด หรือปัสสาวะไม่ออก มีเลือดปนในปัสสาวะ
  • ชาปลายมือปลายเท้า ปวดข้อ ชัก กล้ามเนื้อหดเกร็ง
  • การเต้นของหัวใจผิดปกติแบบ QT prolongation 
  • น้ำตาลในเลือดต่ำ  
  • มีอาการของตับอักเสบ เช่น ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด รู้สึกเหนื่อย ไม่อยากอาหาร และดีซ่าน (ตาขาว และผิวหนังมีสีออกเหลือง)
  • มีอาการท้องเสียที่เกิดจากการติดเชื้อ Clostridium difficile (CDAD) เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง ร่วมกับถ่ายเหลวมาก หรืออุจจาระปนเลือด

ข้อมูลการใช้ยา Norfloxacin ในสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร

ตัวยา Norfloxacin จัดอยู่ในกลุ่มยาประเภท C คือควรระมัดระวังการใช้ยาในสตรีมีครรภ์และสตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร โดยจะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงจากยาก่อนใช้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

ประเภทของยา Norfloxacin ตามข้อมูลจากองค์การอาหารและยา ประเทศไทย

ยา Norfloxacin จัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย จำหน่ายเฉพาะในร้านขายยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรชั้นหนึ่งเป็นผู้จ่ายยาเท่านั้น

การเก็บรักษายา Norfloxacin

ควรเก็บรักษายา Norfloxacin ที่อุณหภูมิ 15-30 องศาเซลเซียส และเก็บไว้ให้พ้นจากแสงแดด

คุณจะเห็นได้ว่า ผลข้างเคียงจากยา Norfloxacin หลายอย่างมีความร้ายแรงจนเสี่ยงถึงชีวิตได้ ดังนั้นคุณควรปรึกษาแพทย์ และเภสัชกรเกี่ยวกับยารักษาอาการเจ็บป่วยมากกว่าซื้อยามารับประทานเอง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ และเพื่อให้การรักษาโรคเป็นไปอย่างเหมาะสม

ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพทั้งผู้หญิง และผู้ชาย เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
กลุ่มระบาดวิทยาโรคติดต่อ สำนักระบาดวิทยา, อุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute diarrhea) (www.boe.moph.go.th/fact/Diarrhea.doc)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน ผู้อ่านไม่ควรเลือกใช้ยาเองจากการอ่านบทความ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง เพราะแต่ละท่านอาจมีสาเหตุของโรค โรคประจำตัว และประวัติการรักษาที่ต่างกัน ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)