ปกติทานยาคุมแบบ 21 เม็ดค่ะ (กินเข้าเดือนที่ 5) มีช่วงแรกๆของรอบเดือนล่าสุดลืมทานไป 1 วัน ก็คือวันต่อมาเราเลยกิน 2 เม็ด ทานข่วงเวลาที่เราทานปกติ ค่ะ ปกติจะกินช่วง 22.00 น.-00.00 น. บางวันช้าบ้างเร็วบ้าง แล้วมีเพศสัมพันธ์ในวันใข่ตกค่ะ (แอพที่เราบันทึกรอบเดือนว่าเป็นวันใช่ตก) แฟนหลั่งนอก จะมีโอกาศตั้งครรภ์มากไหมคะ

ยังถือว่ายาคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ดีครับ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการปัองกันการตั้งครรภ์ มากกว่า99% ครับ โดยปกติการทานยาคุมกำเนิดไม่ควรทานในเวลาห่างกันเกิน3ชั่วโมงในแต่ละวันครับ

สวัสดีครับ สำหรับการกินยาคุมกำเนิด ควรปฏิบัติ ดังนี้ คือ เริ่มกินวันที่ 1-5 ของรอบประจำเดือน

กินวันละ 1 เม็ด เวลาใกล้เคียงกันในแต่ละวันเพื่อให้ระดับฮอร์โมนคงที่
กินต่อเนื่องทุกวัน สำหรับแผง 28 เม็ด
หยุดกิน 7 วันหลังเม็ดสุดท้าย สำหรับแผง 21 เม็ด
หยุดกิน 6 วันหลังเม็ดสุดท้าย สำหรับแผง 22 เม็ด
หยุดกิน 4 วันหลังเม็ดสุดท้าย สำหรับแผง 24 เม็ด

หากลืมกินยา (เม็ดที่ฮอร์โมน)
1.1 วัน ให้กินยาเพิ่มอีก 1 เม็ดในวันถัดไป
2.2 วัน ติดกัน ในช่วงเม็ดที่ 1-14 ให้กินยา วันละ 2 เม็ด ใน 2 วันถัดไป
3.2 วัน ติดกัน ช่วงหลังเม็ดที่ 14 ให้เริ่มยาแผงใหม่ทันที และ ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย 7 วัน
4.3 วันติดกัน ช่วงหลังเม็ดที่ 14 ให้เริ่มยาแผงใหม่ทันที และ ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย 7 วัน

สำหรับการลิมกินดังกล่าว แล้วกินยาคุมไป 2 เม็ดในวันถัดไป ถือว่าประสิทธิภาพการคุมกำเนิดยังดีอยู่ครับ

สวัสดีครับ
การที่ยังมีการรับประทานยาคุมอย่างต่อเนื่องอยู่และถึงแม้จะลืมรับประทานยา 1 วันแต่ก็แก้ไขโดยการรับประทานยา 2 เม็ดในวันต่อมาแล้วยาคุมก็จะยังสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ต่อเนื่องได้ ทำให้ในกรณีนี้ยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยโดยมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3-8% เท่านั้นครับ

ในกรณีนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ครับ

1. ถ้าผู้ถามมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่าง 7 วันรอบล่าสุด และต่อยาคุมแผงนี้ตรงตามกำหนดหรือก่อนกำหนด การลืมรับประทานยาคุมแบบ 21 เม็ดไป 1 วัน ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง และมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ โอกาสตั้งครรภ์คือ 0.3 - 9% ตามผลป้องกันของยาคุมรายเดือนนั่นเองนะคะ ซึ่งความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ

ในกรณีของผู้ถาม ได้มีการแก้ไขการลืมรับประทานยาเหมาะสมแล้วนะคะ แต่การที่ลืมรับประทาน หรือรับประทานไม่ตรงเวลาบ่อย ๆ อาจลดประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ จึงอาจมีความเสี่ยงสูงกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ

ดังนั้น ต่อไปควรรับประทานยาคุมให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ และลดปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอยที่เกิดจากความแปรปรวนของฮอร์โมนนะคะ

2. การคำนวณวันไข่ตกที่ผู้ถามกล่าวถึง ใช้สำหรับผู้ที่ไม่ได้คุมกำเนิดด้วยฮอร์โมนค่ะ แต่ไม่แม่นยำในกรณีของผู้ที่คุมกำเนิดด้วยฮอร์โมนนะคะ เนื่องจากกลไกหลักของยาคุมที่ใช้คือไปยับยั้งไข่ตก โดยปกติ ผู้ที่ใช้ยาคุมจึงไม่ควรจะมีไข่ตก โดยเฉพาะถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ

และเมื่อไม่มีไข่ตก ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์หลั่งในที่มีอสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้มาก หรือหลั่งนอกที่มีอสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้น้อยกว่า หรือจะใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปในช่องคลอด ก็ไม่แตกต่างกันนะคะ เนื่องจากอสุจิไม่สามารถผสมกับไข่ได้อยู่ดี ดังนั้น ถ้ามีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนอยู่ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งได้ตามปกติค่ะ

อาจเป็นอาการในช่วงก้อนมีประจำเดือนได้ครับ หมอแนะนำว่าในกรณีนี้ยังไม่ต้องกังวลและให้รับประทานยาคุมจนหมดแผงและรอสังเกตประจำเดือนไปก่อนครับ

สำหรับการกินยาคุมกำหนด ถ้ากินต่อเนื่องทุกวัน ถูกต้องไม่ขาด สามารถคุมกำเนิดได้ 95%ครับ และถ้ายิ่งหลั่งนอกก็จะเพิ่มโอกาสป้องกันการตั้งครรภ์อีกครับ

ถ้า "ยาคุม" ที่ใช้คือ "ยาคุมรายเดือน" ในกรณีของยาคุมแผงแรก หากใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยหลังรับประทาน แต่ถ้าใช้ยาคุมแผงแรกไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะต้องรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ

การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% ตามผลป้องกันของยาคุมรายเดือน ไม่ว่าแฟนของผู้ถามจะหลั่งในหรือหลั่งนอกก็ตาม

ซึ่งถ้าผู้ถามรับประทานยาคุมตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงก็จะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ

แต่ถ้ายังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนแผงนั้น ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 4 - 22% ตามผลป้องกันของวิธีหลั่งนอก ซึ่งโดยทั่วไปถือความเสี่ยงจะค่อนไปทางสูง คือ 22% จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ

ถ้าหากยาคุมที่กล่าวถึงคือยาคุมแบบรายเดือนทั่วไปก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3-8% ครับ แต่ทั้งนี้ก็จะต้องเป็นช่วงที่ยาคุมออกฤทธิ์ป้องกันได้อย่างเต็มที่แล้ว คือ ได้เริ่มรับประทานยาภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน หรือรับประทานยาคุมติดต่อกันมามากกว่า 7 วันแล้ว

แต่ถ้าหากหมายถึงยาคุมฉุกเฉิน การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกก็จะมีโอกาสผิดพลาดจั้งครรภ์ได้ 4-27% และยาคุมฉุกเฉินก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% ครับ

ถ้าหากรับประทานยาคุมต่อเนื่องมาโดยตลอดก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3-8% เท่านั้นขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยาที่ผ่านมาครับ และการที่ลืมรับประทานยาคุมแต่ได้แก้ไขไปตามวิธีที่เล่ามาแล้วก็จะยังทำให้ยาคุมมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ที่ต่อเนื่องอยู่

ในกรณีนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์มากครับ

กลไกหลักของยาคุมไดแอนคือการยับยั้งไข่ตก ดังนั้น หากผู้ถามรับประทานยาคุมถูกต้องและค่อนข้างตรงเวลาตามที่กล่าวมา ก็มีโอกาสที่ไข่จะตกน้อยมากนะคะ

การคำนวณวันไข่ตกจะใช้ในกรณีที่ไม่ได้มีการคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมนค่ะ จึงไม่แม่นยำสำหรับผู้ถามซึ่งรับประทานยาคุมนะคะ นั่นหมายถึง ไม่น่าจะมีไข่ตกในวันที่เครื่องมือคำนวณมาให้ค่ะ

หากไม่มีไข่ตก ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งในซึ่งมีอสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้มาก หรือจะหลั่งนอกซึ่งมีอสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้น้อยกว่า หรือจะใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปในช่องคลอด ก็ไม่แตกต่างกัน เนื่องจากอสุจิไม่สามารถผสมกับไข่ได้อยู่ดี จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ

อาการเจ็บคัดตึงเต้านมเป็นผลข้างเคียงที่พบได้จากการใช้ยาคุมค่ะ ส่วนอาการอื่น ๆ ไม่ใช่อาการที่จำเพาะเจาะจงนะคะ อาจเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอตามที่ผู้ถามสงสัยก็ได้

ดังนั้น แนะนำให้รับประทานยาคุมไดแอนต่อให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ แล้วรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่าง 7 วันตามที่เคยเป็นในการใช้ยาคุมแผงก่อน ๆ หรือไม่นะคะ

ถ้ามี เว้นว่างครบ 7 วันแล้วก็ต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดได้เลยเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่อง

แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมาเลยในช่วงที่เว้นว่าง ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ เพื่อให้ชัดเจนว่าไม่มีการตั้งครรภ์ก่อนที่จะเริ่มใช้ยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดค่ะ

ไม่ทราบว่ามีอาการอาเจียนออกมาภายในกี่ชั่วโมงหลังรับประทานยาคุมครับ

ถ้าเช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ยาคุมเม็ดสุดท้ายจะยังไม่ถูกดูดซึมเข้าไปครับ แต่ถ้าหากรับประทานยาคุมชนิด 21 เม็ดอยู่ในตอนนี้ก็อาจรอสังเกตประจำเดือนไปก่อนได้เนื่องจากประจำเดือนจะมาในวันที่เว้นการรับประทานยาคุม 7 วัน วันใดก็ได้ครับ

ทั้งนี้ในรอบเดือนนี้หมอแนะนำให้นับวันที่เว้นการรับประทานยาโดยเริ่มจากวันที่อาเจียนยาคุมเม็ดสุดท้ายออกมาครับ (จะครบกำหนดเว้น 7 วันเร็วกว่าปกติ 1 วัน) ถ้าหากเว้นการรับประทานยาคุมครบ 7 วันแล้วประจำเดือนยังไม่มาก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์โดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาคุมแผงใหม่ก่อน ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานยาคุมแผงใหม่ต่อไปได้ครับ

ควรตรวจการตั้งครรภ์ได้หลังจากการที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว อย่างน้อย 14 วัน โดยใช้ปัสสาวะตอนเช้าในการตรวจครับ
จะมั่นใจผลได้ 99%ครับ

ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ก็จะต้องรอตรวจการตั้งครรรภ์โดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันครับ

ทั้งนี้หมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์โดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาคุมแผงใหม่ก่อน เพื่อให้ตัดสินใจได้ว่าควรรับประทานยาคุทแผงใหม่ต่อไปก่อนหรือไม่ครับ ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็ให้รับประทานยาคุมแผงใหม่ต่อไปก่อนได้

สำหรับอาการ มึนๆ ง่วงนอนตลอดเวลา สามารถพบได้ทั่วไปครับ ไม่เป็นอันตรายครับ
เบื้องต้นอาจจะพบได้ในการเริ่มจะไม่สบาย หรืออาจจะเดิดจากการทำงาน เดิดจากความเครียดได้ครับ
เบื้องต้นแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ สังเกตุประจำเดือนของตนเอง กินยาคุมอย่างที่แนะนำ และลองตรวจการตั้งครรภ์เมืาอถึงเวลาครับ ลองออกไปหากิจกรรมต่างๆ ทำ เช่นออกกำลังกาย เดินเล่น ซื้อของครับ เป็นต้น

อาการมึน ง่วงนอน ปวดตามตัวนั้นไม่ใช่อาการที่จะบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ครับ

อาการในลักษณะนี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ไข้หวัด การติดเชื้อบางอย่าง

ในเบื้องต้นนั้นหมอแนะนำให้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำ รวมถึงอาจรับประทานยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการในเบื้องต้นก่อนได้ครับ แต่ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้นหมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ

ถ้าหากยังเว้นการรับประทานยาไม่ครบ 7 วันก็สามารถรอสังเกตประจำเดือนต่อไปก่อนได้ครับ

แต่ถ้าหากถึงวันที่ต้องเริ่มรับประทานยาแผงใหม่แล้วประจำเดือนยังไม่มา หมอก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูโดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ก่อน ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานยาคุมต่อไปได้ครับ

ใช่ครับ ถ้าหากตรวจการตั้งครรภ์โดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาแผงใหม่แล้วไม่พบการตั้งครรภ์ ก็สามารถรับประทานยาคุมแผงต่อไปก่อนได้ครับ ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับประทานยาคุมเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์อย่างต่อเนื่องอยู่

แต่ถ้าหากต้องการความมั่นใจจริงๆในช่่วงที่รับประทานยาคุมแผงใหม่อยู่ก็ให้ตรวจการตั้งครรภ์ใหม่อีกครั้งเมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

การมีตกขาวและอาการเจ็บเต้านมนั้นไม่ได้บ่งบอกถึงสาเหตุใดเป็นพิเศษครับ ในกรณีนี้หมอแนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่หใอได้ให้ไปก่อนหน้านี้ก่อน

แต่ถ้าหากตกขาวที่ออกมานั้นมีการเปลี่ยนไปเป็นสีเหลือง-เขียว มีกลิ่นเหม็น หรือทำให้เกิดอาการคัน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ

ถ้าหากประจำเดือนมาแล้วก็เป็นการบ่งบอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ

ในกรณีนี้จึงสามารถรับประทานยาคุมแผงใหม่ตามปกติได้และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันด้วยวิธีอื่นได้ครับ

ทั้งนี้หมอแนะนำว่าคใรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือนไปก่อนเนื่องจากในช่วงนี้จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานตามมาได้ง่ายครับ

การมีเพศสัมพันธ์ในวันหลังจากที่เพิ่งหมดประจำเดือนไปใหม่ๆก็มีโอกาสที่จะเกิดจากประจำเดือนที่ตกค้างอยู่ได้ครับ

แต่การมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ก็ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆได้อีก เช่น
- มีการบาดเจ็บของช่องคลอดหรือปากมดลูกจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง
- มีภาวะปากมดลูกปลิ้น ซึ่งเป็นภาวะปกติของผู้หญิงบางคน แต่ส่งผลให้มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
- มีการอักเสบติดเชื้อของช่องคลอดหรืออุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง เช่น เริม หนองใน ซิฟิลิส
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- เนื้องอกมดลูก
- ติ่งเนื้อหรือมะเร็งที่ปากมดลูก

ถ้าหากเลือดที่ออกมานั้นออกมาในปริมาณมาก หยุดยาก ออกมาติดต่อกันหลายวัน หรือมีอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์อยู่บ่อยๆ หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ