July 07, 2019 23:33
ตอบโดย
สสิตา สุวันทารัตน์ (สัตวแพทย์หญิง)
พยาธิในเม็ดเลือดในสุนัขมีทั้งหมด 4 ชนิด ได้แก่ Ehrlichia canis, Anaplasma platys, Babesia canis และ Hepatozoon spp. การวินิจฉัยใช้การตรวจเลือด ตรวจหาพยาธิในเม็ดเลือดโดยตรงโดยการส่องจากกล้องจุลทรรศน์ หรืออาจใช้การตรวจหาแอนตีบอดี้ต่อเชื้อก็ได้ จะมีชุดทดสอบ ทราบผลภายใน 10 นาที แต่ ตรวจพยาธิในเม็ดเลือดได้แค่ 2 ชนิดแรก มีข้อจำกัดคือ จะไม่สามารถแยกได้ว่า แอนตีบอดี้ที่ตรวจพบมาจากการติดเชื้อครั้งก่อนหรือไม่ แต่หากไม่เคยป่วยมาก่อน สามารถตรวจได้ค่ะ มีอีกวิธีคือ การตรวจด้วย PCR ต่อเชื้อนั้นๆเลย ได้ผลค่อนข้างแม่นยำ แต่ราคาจะแพง การรักษาขึ้นกับชนิดของพยาธิในเม็ดเลือดค่ะ หากเป็นพยาธิในเม็ดเลือดชนิด E.canis และ A.platys จะใช้การกินยา doxycycline ประมาณ 28 วัน แต่หากเป็นชนิด B.canis และ Hepatozoon จะใช้การฉีดยา Imidocarb 2 เข็ม ห่างกัน 2 สัปดาห์ และ บางรายอาจต้องใช้ยาตัวอื่นร่วมหากรักษาแล้วยังไม่ดีขึ้น หลังจากรักษาประมาณ 1 เดือนให้ตรวจเลือดเช็คซ้ำว่ายังพบพยาธิเม็ดเลือดหรือไม่ ค่าเลือดปกติหรือไม่ หากปกติก็สามารถหยุดยาได้ค่ะ แต่พยาธิเม็ดเลือด Hepatozoon อาจรักษาไม่หายขาดได้ค่ะ เนื่องจากเชื้อสามารถไปหลบอยู่ในตับ ม้ามได้ค่ะ หากร่างกายอ่อนแอก็จะกลับมาป่วยได้อีก ที่สำคัญคือต้องกำจัดพาหะที่เป็นตัวนำพยาธิเม็ดเลือดค่ะ ซึ่งก็คือเห็บ หากยังมีเห็บ จะกลับมาป่วยเป็นพยาธิในเม็ดเลือดได้ใหม่เรื่อยๆค่ะ
สุนัขที่ป่วยด้วยพยาธิในเม็ดเลือดมักจะภาวะโลหิตจาง เกล็ดเลือดต่ำ และบางตัวโน้มนำให้มีภาวะไตวายได้ การรักษาใช้ยากินหรือยาฉีดขึ้นกับชนิดพยาธิในเม็ดเลือด หากค่าเลือดหรืออาการสุนัขแย่ต้องให้การถ่ายเลือดค่ะ แต่การรักษาหลักๆต้องใช้การรักษาทางยา หากมีปัญหาไตก็ต้องรักษาไตร่วมด้วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
น้องเป็นโรคพยาธิในเม็ดเลือดแต่มีอาการแบบนี้ เป็นอันตรายอะไรบ้างมั้ย พาหาหมอแล้ว เข้าแค่บอกว่า ต้องรักษา ตามอาการเท่านั้นค่ั
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)