มีอะไรกับแฟนใส่ถุงตลอดค่ะ แล้วมีถุงขาดอยู่ 4 ครั้ง กินยาคุมฉุกเฉินไปทั้ง 4 ครั้งเลยนะคะ แล้วเมนส์ก็มาทุกเดือนเลยนะคะ บางเดือนก็มาเป็นจุดๆ (ไม่รู้เป็นเพราะยาคุมหรือป่าวค่ะ ) บางเดือนก็มา 6 วัน (ปกติทุกเดือนมา 7-8 วัน ค่ะ ) บางเดือนเลือดก็มาเข้มดำมากค่ะ แบบนี้จะท้องมั้ยคะ กลัวท้องค่ะ

สวัสดีค่ะ
การที่มีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยและถุงยางขาด การทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วค่ะ โดยการที่ทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85% หรือมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15-25% ส่วนอาการเลือดออกเป็นจุดๆจะเป็นผลจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินค่ะ โดยเลือดออกกะปริบกะปรอยมักออกภายใน 1 สัปดาห์หลังทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไป และอาจทำให้ประจำเดือนผิดปกติได้ แต่ตราบใดที่ประจำเดือนมา โดยมั่นใจว่าเป็นประจำเดือนจริง คือเลือดออกเต็มผ้าอนามัย ใช้วันละ 2-3 แผ่น เลือดออกนาน 3-7 วันก็นึกถึงประจำเดือนค่ะ ก็แสดงว่าไม่ตั้งครรภ์ หรือถ้าไม่แน่ใจว่าเลือดนั้นใช่เลือดประจำเดือนหรือไม่สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้เมื่อมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว 14 วัน โดยตรวจในตอนเช้าจะได้ผลที่น่าเชื่อถือมากที่สุด และถ้ามีประวัติถุงยางขาดบ่อยครั้งหมออาจแนะนำให้เลือกขนาดถุงยางที่เหมาะสมค่ะ

หากไม่ทราบรายละเอียดใด ๆ แนะนำเช่นนี้นะคะ

1. การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองเมื่อถุงยางฉีกขาด เป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมแล้วค่ะ และอาจช่วยลดความเสี่ยงที่มีให้เหลือเป็น 15 - 25% แทนได้

2. อย่างไรก็ตาม เมื่อแฟนของผู้ถามมีปัญหาถุงยางฉีกขาดบ่อยครั้ง แนะนำให้ผู้ถามปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาการคุมกำเนิดด้วยวิธีที่เหมาะสม มาใช้แทนวิธีเดิม หรืออาจใช้ร่วมกัน (หากยังต้องการใช้ถุงยางด้วย) เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดในอนาคตนะคะ

3. ถ้าไม่มั่นใจว่าเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนจริง ๆ หรือเป็นเพียงแค่ผลข้างเคียงจากยา และกังวลว่าอาจมีการตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

สวัสดีครับ
ในกรณีนี้จะยังมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ หมอแนะนำให้พิจารณาจากว่าหลังการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายได้มีประจำเดือนโดยปกติแล้วหรือไม่ครับ ซึ่งโดยปกติแล้วหลังการรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะไม่มีผลให้ประจำเดือนมีลักษณะที่ผิดปกติไปจากเดิมมากครับ

ถ้าหากได้มีประจำเดือนมาตามปกติแล้วก็จะเป็นการยืนยันได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ แต่ถ้าหากยังไม่มีประจำเดือนมาตามปกติ หมอก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

และถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ ประจำเดือนที่ผิดปกติไปก็อาจเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- มีระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
เป็นต้น
ซึ่งถ้าหากมีประจำเดือนมาผิดปกติอยู่บ่อยๆหมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ