August 24, 2019 18:24
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
1.ยาคุมฉุกเฉิน ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้ครับ
2.เรื่องการเริ่มกินยาคุมเเผงรายเดือน กินช่วงที่ไม่ใช่ประจำเดือนก็ได้ครับ เเต่ต้องชัวร์ว่าตอนเริ่มกิน ไม่ได้ท้องอยู่
ปกติถ้าเริ่มกินแผงเเรกในวันที่1-5นับจากประจำเดือนมาวันเเรก ยาจะคุมกำเนิดได้เลยครับ(เริ่มกินช่วงนี้จะชัวร์ว่าตอนเริ่มกินนั้นไม่ได้ท้องเเน่ๆเเละยาออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่คุมกำเนิดได้เลย)
หรือถ้ากินแผงเเรกช่วงไหนของเดือนก็ได้เเต่ต้องชัวร์ว่าตอนเริ่มกินไม่ได้ท้อง กรณีนี้ต้องกินไปอย่างน้อย7วัน ยาจึงจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดครับ ซึ่งถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ก่อนครบ7เม็ดก็ต้องใส่ถุงยางไปก่อน เเต่ถ้าให้ดีก็งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนกินครบ7เม็ดครับ
ยาคุมกำเนิดรายเดือน รุ่นใหม่ๆ เช่น Yaz Yasmin Oilezz Govana meliane พวกนี้มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ สิวลดลงได้ครับ (อาการบวมก็ไม่มากเนื่องจาก เอสโตรเจนไม่ได้สูงมาก)เช่น
-Minidoz, Minoz มี เอสโตรเจน 0.015 mg
-Yaz มีเอสโตรเจน 0.02 mg.
-Yasmin, Anna มีเอสโตรเจน 0.03 mg.
-Diane-35 มีเอสโตรเจน 0.035 mg.
-Oilezz มีเอสโตรเจน 0.04 mg.
อาการคลื่นไส้อาเจียนจะน้อยลง เเต่ ถ้ากินไม่ตรงเวลาอาจมีเลือดออกกระปริบกระปรอยได้ครับ
ทั้งหมดเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมครับ
แนะนำเริ่มกินในวันที่1-5นับจากประจำเดือนมาวันเเรก(เพราะชัวร์ว่าไม่ได้ท้องเเละยาออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ คุมกำเนิดได้เลย)
หรือกินช่วงไหนของเดือนก็ได้เเต่ต้องชัวร์ว่าไม่ท้อง เเละต้องกินไปอย่างน้อย7วันจึงจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดครับ
.........
ถ้าเป็นแผง21เม็ดหลังกินหมดเเผง ให้เว้น 7 วัน เเล้วเริ่มเเผงใหม่ครับ เเต่ถ้าเป็น28เม็ดเมื่อหมดเเผงให้กินเเผงต่อไป ต่อไปเลยครับ
.........
ถ้ากรณี21เม็ด ช่วงที่เว้น7วันก่อนเริ่มยาแผงใหม่จะมีประจำเดือนมาได้ครับ
.........
ส่วนกรณี28เม็ด ช่วงที่กิน7เม็ดสุดท้าย(เม็ดเเป้ง) จะมีประจำเดือนมา ครับ
ถ้าไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ครับ
.........
ผลข้างเคียงคือ คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม บวม
ใช้นานๆระยะยาวอาจมีฝ้าได้
(เเนะนำให้กินก่อนนอน จะได้ไม่ลืมเเละลดผลข้างเคียงเรื่องคลื่นไส้อาเจียน)
.........
ควรหลีกเลี่ยงการกินยากรณีที่
- ให้นมลูกอยู่ เพราะยาทำให้น้ำนมไหลน้อยได้
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ เคยเป็นโรคหัวใจ โรคสมองขาดเลือด ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา เป็นต้นครับ
3.เรื่องยาคุมฉุกเฉิน
กรณีที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ป้องกัน เเละไม่ได้คุมกำเนิดวิธีอื่นมาก่อนการมีเพศสัมพันธ์
ถ้ายังไม่เกิน120 ชม. นับจากที่มีเพศสัมพันธ์
สามารถให้รับประทานเป็น “ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน” ครับ ตามร้านยาจะเป็น ยี่ห้อ Postinor,Madonna {ตัวยาชนิดเดียวกัน}
แต่ละกล่องจะมี ยา 2 เม็ด
หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte
.............
รับประทานให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน โดย
.............
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ชนิด 2เม็ด เช่น Postinor หรือ Madonna ได้สองวิธี
1.รับประทานทันที 2 เม็ด
2.รับประทาน 1 เม็ดทันที เเละรับประทาน เม็ดต่อไป ในอีก 12 ชม.
สองวิธีประสิทธิภาพไม่เเตกต่างกัน (หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte ก็กินเม็ดเดียวไปเลยครับ)
วิธีเเรกสะดวก แต่อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า
วิธีที่สอง อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อย เเต่ต้องดูเวลาดีๆ ครับ
.............
หากอาเจียนภายใน 2 ชม.หลังกินยา ต้องกินใหม่นะครับ เพราะยายังไม่ได้ดูดซึม
.............
ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม ได้ครับ
และ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์ครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา
หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
ระหว่างรอประจำเดือนจริงๆมา ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องคือประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
.........
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์ กรณีกินยาคุมฉุกเฉิน
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขอบคุณมากนะคะ จริงๆ ใช้ถุงยางอยู่แล้ว แต่แค่มีความกังวลเลยอยากทานยาคุม แต่ก็ไม่ค่อยอยากใช้ยาคุมฉุกเฉินค่ะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
หากมั่นใจว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์อยู่ ก็สามารถเริ่มใช้ยาคุมแผงแรกโดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนมาก่อนก็ได้ค่ะ แต่จะต้องใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ
ซึ่งหากผู้ถามมีเวลาจำกัดดังที่กล่าวมา ยาคุมรายเดือนที่สามารถใช้ได้ก็คือยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว หรือที่นิยมเรียกว่ายาคุมสูตรหญิงให้นมบุตรค่ะ (แต่หญิงปกติก็สามารถใช้ได้)
โดยให้รับประทานติดต่อกันให้ครบ 2 วัน (หรือนับเป็น 48 ชั่วโมงจากเวลาที่เริ่มรับประทาน) ก็จะมีผลคุมกำเนิดได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม...
1. ยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว จะต้องรับประทานให้ตรงเวลาอย่างเคร่งครัดยิ่งกว่ายาคุมชนิดฮอร์โมนรวมนะคะ นั่นคือ ห้ามลืมหรือรับประทานช้ากว่าเวลาปกติเกิน 3 ชั่วโมงสำหรับยี่ห้อเอ็กซ์ลูตอนและเดลิต้อน หรือห้ามเกิน 12 ชั่วโมงสำหรับยี่ห้อซีราเซท มิฉะนั้นก็จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องแล้วค่ะ
2. ผลข้างเคียงเด่น ๆ ของยาคุมชนิดนี้ อาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนนะคะ
...จึงไม่มั่นใจว่าผู้ถามจะรับข้อเสียของยาคุมชนิดนี้ได้หรือไม่
ซึ่งถ้ารับไม่ได้... แนะนำให้แฟนใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ดีกว่านะคะ เพราะนอกจากผู้ถามจะไม่ต้องทนผลข้างเคียงจากยาคุมแล้ว ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมากจนไม่น่าจะกังวล อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย
..
..
..
ส่วนยาคุมฉุกเฉิน ไม่แนะนำให้ใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติค่ะ เพราะยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงนัก การนำมาใช้เพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยาง เสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ อันที่จริงทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอยู่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการทานยาคุมควบคู่ด้วย แต่เนื่องจากช่วงนี้หยุดทานไปเลยค่อนข้างกังวลเรื่องตั้งครรภ์ แต่อยากทราบว่าเรามีวิธีตรวจเช็คหรือไม่คะ ว่าถุงยางมีการชำรุดหรือไม่อย่างไร
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. การตรวจสอบถุงยางอนามัยก่อนนำมาใช้ (ก่อนแกะจากกล่อง/ซองบรรจุ)
ให้ตรวจสอบวันหมดอายุที่กล่องหรือซองบรรจุ รวมถึงสภาพกล่องและซองบรรจุต้องเรียบร้อย ไม่มีรอยฉีกขาด
2. การตรวจสอบถุงยางอนามัยก่อนใช้งาน (เมื่อสวมถุงยางแล้ว)
ให้กดกระเปาะเล็ก ๆ ตรงปลายถุงยาง ถ้ายุบตัวและไม่คืนสภาพเดิมแสดงว่ามีการรั่วซึม
แต่ถ้ากดตรงปลายแล้วกระเปาะคืนสภาพเดิมก็แสดงว่าใช้ได้
และเมื่อทดสอบเสร็จแล้ว ก็ควรบีบปลายกระเปาะเพื่อไล่ลมออก เพื่อป้องกันถุงยางแตกในขณะที่สอดใส่
3. การตรวจสอบถุงยางอนามัยหลังใช้งาน (ยังไม่ถอดถุงยางออก)
หากมีการหลั่งอสุจิในถุงยาง ควรจะเห็นว่ามีน้ำอสุจิอยู่ในกระเปาะตรงปลายถุง แต่ถ้าไม่เห็นเลย ก็สงสัยว่าอาจมีการรั่วซึม
ในกรณีที่มีน้ำอสุจิอยู่ในกระเปาะ ให้ลองบีบบริเวณกระเปาะและสังเกตว่ามีน้ำอสุจิรั่วซึมออกมาหรือไม่
4. การตรวจสอบถุงยางอนามัยหลังใช้งาน (เมื่อถอดถุงยางออกแล้ว)
ให้เอาถุงยางไปใส่น้ำ ถ้ารั่วก็จะมีน้ำซึมออกมาตามรอย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อยากทราบว่า ถ้าหากเราอยากทานยาคุมเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ โดยที่ไม่ต้องเริ่มจากวันแรกที่มีประจำเดือนได้หรือไม่คะ สมมติว่าในอีกสองวันเราจะมีอะไรกับแฟน แต่ประจำเดือนยังไม่มาและไม่อยากใช้ยาคุมฉุกเฉิน สามารถเริ่มทานยาคุมและทานไปจนหมดแผงเลยได้มั้ย หรือควรทานยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์แทนคะ? หากต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน ต้องทานยังไงคะ? ขอบคุณค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)