เมื่อวันที่ 16 ธ.ค ประมาณบ่ายโมงกว่าๆ มีอะไรกับแฟน (ครั้งแรก) แต่แค่สอดใส่ไม่ถึงนาทีแล้วเอาออก โดยที่ไม่ได้สวมถุงยาง ไม่ได้มีการหลั่งอสุจิ และแฟนไม่ได้หลั่งอสุจิก่อนหน้าจะสอดใส่ ต่อมาวันที่ 17 ประมาณ 06:50 (เช้า)ได้ทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกไป หลังจากนั้น 4 ช.มทานยาคุมเม็ดที่สองตามไป หลังจากทานไม่มีอาการอะไรเกินขึ้น วันนี้ผ่านมาวันที่ 8 ประจำเดือนยังไม่มา แต่เมื่อวันที่ 20และ22 มีตกขาว(แต่ไม่มาก) และมีอาการ ปวดหน่วงๆท้องเหมือนปวดประจำเดือน และปวดจี๊ดๆด้านซ้ายและขวาของท้องน้อย (อาการเคยเป็นมาก่อนจะมีเพศสัมพันธ์) นอกจากนี้ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนหรือหัวนมใหญ่คล้ำตามอาการคนท้อง 1 สัปดาห์ ( อ่านในเว็บไซต์ต่างๆ) ปกติเป็นคนที่ประจำเดือนมาทุกเดือนสม่ำเสมอ แต่จำระยะรอบไม่ค่อยได้ และไม่ทราบวันไข่ตก #รอบเดือนที่ 11 มาวันที่ 3 ของเดือนที่ 12 "อยากจะทราบและถามคุณหมอว่าจะท้องไหม?" ถ้าเป็นแบบนี้คะขอบคุณหมอนะคะ ตอนนี้ค่อนข้างเครียดและกังวลมากๆเพราะยังเป็นวัยเรียนอยู่ ยังไม่พร้อมจะมี

1. การสอดใส่โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แม้ว่าจะไม่มีการหลั่งในช่องคลอด ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ในลักษณะเดียวกับการป้องกันด้วยวิธีหลั่งนอกนะคะ นั่นคือ โดยทั่วไปถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% ค่ะ

ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางถูกวิธี และตรวจสอบแล้วว่าไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% นะคะ

2. การรับประทานยาคุมฉุกเฉินชนิดที่มีแผงละ 2 เม็ด หากรับประทานตามวิธีดั้งเดิม จะต้องรับประทานครั้งละ 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือถ้ารับประทานตามวิธีใหม่ ก็จะต้องรับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว

วิธีที่ผู้ถามรับประทานจึงไม่ตรงกับวิธีที่มีการแนะนำไว้นะคะ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามการรับประทานตามวิธีใหม่ อาจอนุโลมว่าน่าจะมีผลในการป้องกันเช่นกัน เมื่อรับประทานครบขนาดไปแล้วจึงไม่จำเป็นจะต้องรับประทานเพิ่มอีกให้ตรงกับวิธีที่แนะนำค่ะ

3. แต่ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงเหมือนกับวิธีคุมกำเนิดมาตรฐาน แม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินเร็วและครบขนาดก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% นะคะ

ซึ่งถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ประจำเดือนควรจะมาตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มาก ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร

4. การที่มีอาการ หรือไม่มีอาการใด ๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้น ยังไม่สามารถจะสรุปได้ว่าผู้ถามมีการตั้งครรภ์หรือไม่ จึงแนะนำให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิมหรือไม่นะคะ

5. แต่ในกรณีที่ไม่ทราบรอบประจำเดือน ซึ่งทำให้คาดการณ์ได้ยากว่าประจำเดือนรอบหน้าควรจะมาเมื่อไหร่ ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

6. ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้น หากผู้ถามอยู่ในวัยเรียน และยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิดและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อม แนะนำให้รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมจึงค่อยมีเพศสัมพันธ์นะคะ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่โดยไม่มีการป้องกันนั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-22% ครับ แต่เนื่องจากได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วทำให้ในกรณีนี้จะมีโอกาสตั้งครรภ์จะลดลงไป 75-85% ครับ

อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีประจำเดือนขาดหายไป หมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

แต่ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ประจำเดือนก็อาจมาช้าได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ไทรอยด์เป็นพิษ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
ซึ่งในกรณีนี้ก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนหรือมีปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ