March 21, 2019 22:58
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
หากเลือดที่ออกมาในวันที่ 2 มีนาคมเป็นประจำเดือนจริง ๆ นั่นคือ มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน + มาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วัน + มาตรงตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อย เมื่อผู้ถามเริ่มรับประทานยาคุมแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ ..
..
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% นะคะ แต่ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ
..
..
หากไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง เลือดกะปริบกะปรอยที่พบก็น่าจะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมนะคะ อาจพบในการใช้ยาคุมแผงแรก ๆ (1 - 3 แผงแรก) หรือเมื่อรับประทานไม่ตรงเวลาค่ะ ซึ่งในกรณีที่เป็นผลข้างเคียงจากยา จะหายเองได้ เพียงแค่รับประทานยาคุมต่อให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ
..
..
ดังนั้น แนะนำให้รับประทานยาคุมต่อให้ตรงเวลานะคะ เมื่อหมดแผงแล้วก็เว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ หากไม่มีการตั้งครรภ์ ประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่เว้นว่าง โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ
..
..
แต่ถ้าเว้นว่างครบ 7 วันแล้วแต่ไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ด้วยนะคะ ถ้าผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด คือไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ การมีเลือดออกในระหว่างที่รับประทานยาคุมกำเนิดไม่ใช่อาการที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ครับ .... การรับประทานยาคุมกำเนิดโดยเริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนนั้นจะมีผลให้ยาคุมเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีหลังรับประทานยาและจะมีโอกาสตั้งครรภ์อยู่ที่ 0.3-8% ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยาครับ .... นอกจากนี้ในการรับประทานยาคุมกำเนิด 1-3 แผงแรกนั้นก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้มีเลือดออกผิดปกติในระหว่างรอบเดือนได้ด้วย ...... หมอแนะนำว่าในตอนนี้ควรรับประทานยาคุมต่อไปเรื่อยๆตามปกติก่อนและประจำเดือนก็ควรจะมาในช่วงที่เว้นการรับประทานยา 7 วันก่อนเริ่มยาแผงใหม่ครับ ถ้าหากประจำเดือนไม่มาในช่วงนี้ก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูในตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ ถ้าตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานยาแผงใหม่ต่อไปก่อนได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณค่ะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขอรบกวนอีกหน่อยนะคะ หนูนับวันตกไข่แล้วตรงกับวันที่16 ซึ่งการตรจการตั้งครรภ์จะยังสามารททราบได้ในวันที่ขึ้นยาแผงใหม่มั้ยคะ หรือว่าตั้งรอ9-12วันหลังการตกไข่คะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
กลไกหลักของยาคุมที่ใช้คือไปยับยั้งไข่ตกค่ะ และเมื่อผู้ถามเริ่มรับประทานยาคุมแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะสามารถยับยั้งไข่ที่จะตกในรอบเดือนนั้นได้เลยนะคะ ในกรณีนี้ จึงไม่ควรจะมีไข่ตกในวันที่ 16 แล้วค่ะ
..
..
ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ หากใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ จะแนะนำให้ตรวจห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ แต่หากผู้ถามรับประทานยาคุมต่อเนื่องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ในระหว่างที่ใช้ยาก็จะมีน้อยมากค่ะ ..
..
ความเสี่ยงที่อาจเป็นไปได้คือ ถ้าเลือดที่ออกมาวันที่ 2 มีนาคมไม่ใช่ประจำเดือน ก็จะถือว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันก่อนที่จะใช้เมโลเดียติดต่อกันครบ 7 วันนั้นเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ จึงแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ในวันที่ครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ซึ่งห่างจากช่วงเวลาที่เสี่ยงไปมากกว่า 14 วันแล้วนั่นเองค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
โดยปกติแล้วในช่วงที่รับประทานยาคุมอยู่ร่างกายก็มักไม่มีการตกไข่เกิดขึ้นครับ และโดยปกติแล้ววันตกไข่ก็จะไม่มีผลรบกวนการตรวจการตั้งครรภ์ .... อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้วการตรวจการตั้งครรภ์ที่จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้นั้นจะต้องตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจจึงจะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ .... แต่ในกรณีนี้ที่หมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ดูในตอนเช้าของวันที่จะต้องเริ่มรับประทานยาแผงใหม่นั้นมีจุดประสงค์เพื่อให้ไม่เสียโอกาสในการรับประทานยาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์อย่างต่อเนื่องในกรณีที่ไม่มีการตั้งครรภ์ครับ ถ้าหากตรวจตามวิธีที่หมอแนะนำแล้วไม่พบการตั้งครรภ์หมอก็แนะนำให้รับประทานยาคุมต่อเนื่องไปก่อน ..... และถ้าหากต้องการความมั่นใจจริงๆก็ให้รอตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำอีกครั้งในตอนเช้าของวันที่ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หนูทานยาอย่างต่อเนื่องและตรงเวลาตั้งแต่วันแรกค่ะ จะทำตามวิธีที่แนะนำอย่างเคร่งครัดนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ คือหนูไม่เคยทานยาคุมมาก่อน และได้ไปซื้อยาคุมเมโลเดียแผงแรกมาทาน ทานในวันแรกของการมีประจำเดือนคือวันที่2มีนา ทานไปได้15เม็ดซึ่งตรงกับวันที่17มีนาค่ะ และวันนี้วันที่21มีนา มีเลือดคล้ายประจำเดือนออกมาทั้งๆที่เหลือยาในแผงอีก2เม็ด เลือดมีสีน้ำตาลค่ะ นี่คือสัญญาณเตือนของการตั้วครรภ์หรือป่าวคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)