May 21, 2018 14:21
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
โรตแอลดี Learning Disorder(LD) เป็นภาวะการบกพร่องทางการเรียนรู้ของเด็กซึ่งประกอบไปด้วยอาการได้ 3 รูปแบบครับ ได้แก่
- ความบกพร่องทางการอ่านหนังสือ(Dyslexia)
- ความบกพร่องทางการเขียนหนังสือ(Dysgraphia)
- ความบกพร่องในการคิดคำนวน(Dyscalculia)
อาการของเด็กแต่ละคนจะแสดงออกมาไม่เหมือนกัน โดยอาจมีความบกพร่องเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายๆด้านผสมกันก็ได้ครับ
ความผิดปกติของเด็กกลุ่มนี้เกิดขึ้นได้เองจากความบกพร่องทางพัฒนาการของเด็ก เด็กไม่ได้แกล้งทำ ไม่ได้เป็นผลจากการเรียนการสอนที่ไม่มีประสืทธิภาพ ไม่ได้เป็นพลจากโรคทางกายของเด็ก เช่น ปัญหาทางการได้ยิน หรือIQต่ำ
เด็กกลุ่มนี้มักมีความสามารถด้านการเรียนต่ำกว่าเพื่อนชั้นเดียวกันอย่างน้อย 2 ชั้นเรียนขึ้นไปครับ
การรักษาหลักของเด็กกลุ่มนี้ทำได้โดยการสอนทักษะที่เด็กบกพร่องไป เสริมเพิ่มเตืมจากการเรียนปกติครับ ถ้าเป็นไปได้ควรจัดให้มีห้องเรียนพิเศษของเด็กกลุ่มนี้โดยเฉพาะ โดยมีการสอนโดยครูพิเศษที่ฝึกการสอนเด็กกลุ่มนี้มาโดยเฉพาะครับ
นอกจากนี้ทางครอบครัวก็สามารถมีส่วนร่วมในการกระตุ้นพัฒนาการเด็กได้ครับ
ในกรณีของDyslexia หรือความบกพร่องทางการอ่าน เด็กอาจมีปัญหาในการไม่สามารถสะกดคำได้ ไม่สามารถแยกตัวหนังสือที่เขียนติดๆกันได้ว่าคำไหนเป็นคำไหน(เนื่องจากในภาษาไทยคำของประโยคเดียวกันจะถูกเขียนไว้ติดกันหมด ไม่ได้แยกเป็นคำๆเหมือนในภาษาอังกฤษ)
ผู้ปกครองอาจฝึกให้เด็กอ่านโดยให้เด็กจำเป็นคำๆแทนการสะกดครับ เด็กกลุ่มนี้จะสามารถเรียนรู้ในรูปแบบนี้ได้เร็วกว่า
อาจใช้วิธีอ่านนิทานให้เด็กฟังโดยให้เด็กค่อยๆไล่ดูตามตัวหนังสือไปด้วย อัดเทปที่มีเสียวอ่านเอาไว้ แล้วเปิดให้เด็กฟังร่วมกับเวลาอ่านหนังสือก็อาจช่วยได้ครับ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลเด็กกลุ่มนี้คือควรมีความใจเย็นและเข้าใจเค้าให้มากๆครับ อย่าเร่งให้เด็กอ่านมากจนเกินไป ควรทำทุกอย่างให้เป็นขั้นตอนค่อยเป็นค่อยไป
การพยายามคะยั้นคะยอให้เด็กอ่านหนังสือให้ได้เร็วที่สุดเหมือนเด็กคนอื่น อาจเป็นการสร้างความกดดันให้เด็ก ทำให้เด็กเกิดความเครียด และเกลียดการอ่านหนังสือไปได้ครับ
ทางผู้ปกครองสามารถขอคำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลเด็กกลุ่มนี้ได้จากจิตอพทย์เด็กและวัยรุ่นครับ หมอขอเป็นกำลังใจให้ทางครอบครัวของคุณแม่นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
dyslexia จัดเป็นโรคบกพร่องทางการเรียนรู้ชนิดที่มีปัญหาด้านการอ่าน ซึ่งจะมีอาการสำคัญคือ อ่านได้ช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน อ่านตะกุกตะกัก อ่านผิดๆถูกๆ อ่านคำต่อคำหรือต้องสะกดคำไปด้วยทีละตัวจึงจะอ่านได้ อ่านข้ามคำยาก อ่านข้ามบรรทัด อ่านกลับคำ สลับที่ เช่น คาถา เป็น ถาคา แยกคำไม่ถูกต้อง สับสนเสียงสระ สับสนตัวสะกด อ่านคำควบกล้ำไม่ได้ อ่านโดยเดาจากภาพ ไม่เข้าใจเรื่องที่อ่าน จับใจความสำคัญไม่ได้ อ่านเสียงเบาไม่มั่นใจในการอ่านออกเสียง หงุดหงิดกังวลในขณะที่อ่าน หลีกเลี่ยงการอ่านที่มีเนื้อหามากๆ
การที่จิตแพทย์จะวินิจฉัยได้ว่าเด็กมีปัญหาdyslexiaนั้น จะต้องผ่านการตรวจระดับไอคิว ซึ่งเด็กจะต้องมีระดับไอคิวมากกว่า 90 และไม่มีปัญหาเรื่องสมาธิ แล้วทดสอบภาวะแอลดีซึ่งจะทดสอบทั้งหมด 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการอ่าน ด้านการสะกดคำ ด้านคิดคำนวณ หากด้านการอ่านของน้องได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ 2ชั้นเรียน จิตแพทย์จึงจะวินิจฉัยว่าเป็นdyslexiaค่ะ
วิธีการแก้ไข คุณแม่อาจฝึกให้น้องอ่านมากขึ้นโดยเริ่มจากชั้นเรียนที่เด็กสามารถอ่านได้คล่องก่อน(ซึ่งนักจิตวิทยาจะแจ้งตรวจแอลดีว่าระดับความสามารถด้านการอ่านของน้องอยู่ที่ระดับ ป. ไหน คุณแม่ก็เริ่มต้นจากตรงนั้น ) แล้วฝึกให้อ่านวันละ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยๆเพิ่มเนื้อหาหรือเพิ่มระดับความยากขึ้นที่ละสเต็ป ทุกครั้งที่มีการอ่านควรให้น้องอ่านทบทวนอันเดิมก่อน แล้วเริ่มเนื้อหาอันใหม่ ฝึกไปเรื่อยๆ
นอกจากคุณแม่จะฝึกแล้ว คุณครูต้องมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเด็กด้วย โดยจิตแพทย์จะออกใบรับรองผลการตรวจไปคุณครู แล้วคุณครูจะไปจัดการเรียนการสอนแบบพิเศษให้น้องในด้านนั้นๆค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หวัดดีค่ะอยากทราบว่าDyslexia(ความบกพร่องทางทักษะการเรียนรู้)กับแอลดีโรคสองชนิดนี้ต่างกันยังงัยค่ะ และมีวิธีรักษายังงัยขอคำแนะนำค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)