ขอสอบถามหน่อยค่ะ ถ้าอวัยวะเพศชายเข้าไปในปากมดลูกของเพศหญิง ได้เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นแต่เหมือนกับว่าจะมีน้ำเมือบ ออกมาแล้วจึงรีบเอาออกเพราะไม่ได้มีการป้องกัน อยากทราบว่า ถ้าหากน้ำเมือบเข้าไปในปากมดลูกแล้ว มันจะมีโอกาสท้องไหมคะ แล้วควรกินยาคุมฉุกเฉินดีไหม หนูอายุ 14ปี ค่ะ ขอความกรุณาตอบภายในวันที่ 8ต.ค.เวลา 06:00ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ
การที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ค่ะ
แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในระยะปลอดภัยคือ หน้า7หลัง7 คือ นับย้อนจากประจำเดือนวันแรก7วัน และย้อนหลัง7วัน
แต่จะใช้ได้ในกรณีที่ประจำเดือนมาปกติ ถ้าอยู่ในระยะปลอดภัยโอกาสตั้งครรภ์ต่ำยังไม่แนะนำให้ทานยาคุมฉุกเฉินค่ะเพราะผลข้างเคียงค่อนข้างมาก แต่ถ้ามีเพศสัมพันธ์พ้นระยะปลอดภัยโอกาสตั้งครรภ์ค่อนข้างสูงก็แนะนำให้ทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ
การทานยาคุมฉุกเฉินควรทานภายใน12ชั่วโมงหลังจากการมีเพศสัมพันธ์ค่ะ
นอกจากการตั้งครรภ์ยังควรต้องระวังโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยนะคะ แนะนำการมีเพศสัมพันธ์ครั้งน่อไปควรใช้ถุงยางอนามัยนะคะ

สวัสดีครับ
หมอเข้าใจว่าน่าจะหมายถึงอวัยวะเพศชายได้สอดใส่ปากช่องคลอดเข้าไปแล้วนะครับ

ในกรณีที่อวัยวะเพศชายได้สอดใส่ผ่านช่องคลอดเข้าไปแล้วก็จะถือว่ามีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ถ้าหากไม่มีการป้องกันครับ เนื่องจากในขณะที่มีการสอดใส่นั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27%

ในกรณีนี้หมอแนะนำให้หายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อนเพื่อความปลอดภัยครับ โดยควรรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

หากมีการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในช่องคลอด แม้จะนำออกมาหลั่งข้างนอก ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ 22% ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สูงกว่าการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องและไม่รั่วซึมหลายเท่านะคะ

ดังนั้น...

1. แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยรับประทานแบบหมดแผงในครั้งเดียว นั่นคือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว

2. ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทาน หากจะมีเพศสัมพันธ์ในครั้งต่อไป ควรให้ฝ่ายชายใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ถ้าใช้ถูกต้องและตรวจสอบแล้วว่าไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วยค่ะ

3. เมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยภายใน 7 วันหลังรับประทานหรือไม่ เพราะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยา ไม่ได้สำคัญอะไร แต่ให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือเปล่านะคะ

4. ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

5. ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดในปัจจุบันที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ค่ะ การใช้วิธีคุมกำเนิดต่าง ๆ ทำได้เพียงช่วยลดความเสี่ยงให้น้อยลงเท่านั้น ซึ่งจะลดได้มากหรือน้อยก็ขึ้นกับประสิทธิภาพของแต่ละวิธี และขึ้นกับการใช้ว่าถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ ดังนั้น หากผู้ถามรับความเสี่ยงดังกล่าวไม่ได้ แนะนำให้รอจนกว่าจะถึงวันที่พร้อมแล้วจึงค่อยมีเพศสัมพันธ์นะคะ

ด้วยวัยของผู้ถาม น่าจะมีประจำเดือนมาแล้วใช่มั้ยคะ ถ้าเคยมีประจำเดือนแล้วก็ถือว่ามีไข่ตกและพร้อมจะตั้งครรภ์ได้ จึงสามารถใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ได้ค่ะ

และในกรณีของผู้ถาม เนื่องจากมีเพศสัมพันธ์โดยป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำอย่างการหลั่งนอกไปแล้ว หากต้องการลดความเสี่ยงที่มีให้น้อยลง แนะนำให้ใช้เป็น "ยาคุมฉุกเฉิน" นะคะ

ส่วนครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์ ควรพิจารณาว่าผู้ถามและแฟนพร้อมจะรับความเสี่ยงได้หรือไม่ถ้าการป้องกันไม่ได้ผลและเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมา ถ้ารับความเสี่ยงไม่ได้ แนะนำให้รอจนถึงวันที่พร้อมแล้วจึงค่อยมีเพศสัมพันธ์นะคะ

หรือในกรณีที่คิดว่ารับความเสี่ยงได้ แต่เนื่องจากผู้ถามยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงแนะนำให้ปรึกษาผู้ปกครองเพื่อให้พาไปพบสูตินรีแพทย์ และพิจารณาวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง, ปลอดภัย และเหมาะสมกับผู้ถามค่ะ