สวัสดีค่ะ คือมีพสพกันวันที่12 ม.ค.62(ประมาณบ่ายๆโมง) ไม่ได้หลั่งใน ไม่ได้ใส่ถุงอะคะ แล้วหลังจากนั้น 5 ชม. ก็กินยาคุมฉุกเฉินไปพร้อมกัน2เม็ด(กินไปตอนประมาณ5โมงเย็น) แล้วหลังจากนั้น1อาทิตย์ก็มีเลือดออกมาแบบกระปริบกระปรอยตอนเย็นอะคะ แล้วหลังจากนั้นเวลาผ่านไปไม่นานก็มีเลือดปริมาณมากพอสมควร(จะใช่ปจดหรือป่าวคะ?)มีเลือดออกมาตั้งแต่วันที่19-23ม.ค. แล้วก็หมดไปคะ หลังจากนั้นก็ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจในวัน26 ม.ค.หลังจากปจดหมดไป2-3วันคะ ขึ้น1ขีดคะ จะถามว่า เลือดที่ออกมานั้นเป็นไปได้มั้ยคะที่จะเป็นปจด แล้วมีโอกาสที่จะท้องมั้ยคะ? หรือต้องรอตรวจใหม่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจดีหรือป่าวคะ แล้วหลังจากทีปจดได้1อาทิตย์อ่ะค่ะ คือมีอาการไอแบบมีเสมหะอ่ะค่ะ ไอมากๆแล้วจะอ้วกด้วยค่ะ กินอะไรไม่ค่อยลงด้วยค่ะ แต่ตอนนี้ก็มีอาการดีขึ้นค่ะ แต่ตรงที่เครียดคือจุกนมอ่ะค่ะมีการแตกค่ะ จะเป็นอะไรหรือป่าวะคะแล้วจะมีโอกาสตั้งท้องหรือไม่คะ คุณหมอช่วยด้วยนะคะ

การทานยาคุมฉุกเฉิน จะมีผลข้างเคียงให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ค่ะ แต่ประจำเดือนมักจะมาตรงรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนได้ประมาณ 1 สัปดาห์
หากประจำเดือน ช่วงเดือน ธันวาคม มาประมาณวันที่ 20 ธค ประจำเดือนที่มาในวันที่ 19-23 มค ก็น่าจะเป็นประจำเดือนปกติค่ะ ดังนั้น เมื่อประจำเดือนมาแล้ว การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 12 มค. ก็จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์แล้วค่ะ แล้วได้ตรวจการตั้งครรภ์ไปแล้วด้วย จึงคิดว่าไม่น่าจะท้องแล้วค่ะ

แนะนำหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ แต่ไม่ประสงค์ตั้งครรภ์ ควรใช้วิธีการคุมกำเนิดด้วยค่ะ เพราะการทานยาคุมฉุกเฉิน ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดค่อนข้างต่ำ โอกาสในการตั้งครรภ์มีได้ 10-20% ค่ะ
แนะนำควรใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่น ได้แก่
- การฝังยาคุมกำเนิด เป็นที่นิยม เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงถึง 99.97%
- การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 99.7% ยังมีโอกาสผิดพลาดเช่น การลืมทานยา เป็นต้น
- การฉีดยาคุมกำเนิด มีประสิทธิภาพประมาณ 99.7%
- การใช้ถุงยางอนามัย มีประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์ 99.5% ยังมีโอกาสที่ถุงยางรั่ว ถุงยางหลุด แตก ก็มีความเสี่ยงให้เกิดการตั้งครรภ์ได้
- การใส่ห่วงอนามัยในฝ่ายหญิงก็ป้องกันการตั้งครร์ได้สูงประมาณ 99.5%