March 02, 2019 21:08
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. หากใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึม/ฉีกขาด/เลื่อนหลุด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ซึ่งถือว่าน้อยมาก และไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีคุมกำเนิดฉุกเฉินร่วมด้วยค่ะ
2. แต่ถ้าใช้ถุงยางไม่ถูกต้อง หรือมีปัญหารั่วซึม/ฉีกขาด/เลื่อนหลุด จะมีความเสี่ยงสูงที่จะคุมกำเนิดล้มเหลวและตั้งครรภ์ จึงจำเป็นจะต้องใช้วิธีคุมกำเนิดฉุกเฉินร่วมด้วย ซึ่งมี 2 ทางเลือก คือ...
- วิธีแรก รับประทาน "ยาคุมฉุกเฉิน" โดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
แต่วิธีนี้มีประสิทธิภาพไม่สูงมาก แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ 15 - 25% และไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทาน หากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำก็ต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้ง
- วิธีที่สอง ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อใส่ "ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง" ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% และมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ค่ะ
..
..
..
ส่วน "ยาคุมรายเดือน" ไม่มีผลคุมกำเนิดฉุกเฉิน การรับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน หรือหลังพบว่าถุงยางรั่วซึม ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ และยิ่งจะทำให้ประจำเดือนเลื่อนช้าออกไปมากขึ้น จึงไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยนั้นเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ปลอดภัยวิธีหนึ่งครับ ถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องและไม่มีการแตกรั่ว โอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ก็มีเพียง 2% เท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมใดๆเพิ่มเติมครับ
แต่ถ้าหากถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วระหว่างมีเพศสัมพันธ์ก็ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ครับ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นควรรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ภายในเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อที่จะช่วยลดโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
โดยทั่วไปแล้วในยาคุมฉุกเฉิน 1 แผงจะมียา 2 เม็ด สามารถรับประทานได้ 2 วิธี คือ
1. รับประทานพร้อมกันทีเดียว 2 เม็ด
2. รับประทานทีละ 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง
ซึ่งจะเลือกรับประทานยาด้วยวิธีใดก็ได้เพราะประสิทธิภาพของยาจะเท่ากันครับ แต่การรับประทานในรูปแบบ 2 เม็ดพร้อมกันอาจมีข้อดีเหนือกว่าตรงที่ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานยาเม็ดที่ 2
แต่ก็อาจมียาคุมฉุกเฉินบางยี่ห้อที่มียา 1 เม็ดในแผงเดียว ก็สามารถรับประทานยาเม็ดนั้นเม็ดเดียวได้เลยครับ
นอกจากนี้ก็ยังสามารถรับประทานยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนควบคู่ไปกับการใช้ถุงยางอนามัยได้ด้วยครับ วิธีนี้จะช่วยให้การมีเพศสัมพันธ์มีความปลอดภัยมากขึ้นและเมื่อถุงยางอนามัยแตกรั่วก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มเติมครับ
การรับประทานยาคุมแบบรายเดือนนั้นสามารถเริ่มรับประทานได้ 2 วิธี คือ
1. เริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะมีผลให้ยาคุมเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีหลังรับประทานยา
2. ถ้าเริ่มรับประทานช้ากว่า 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องรับประทานยาคุมติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันก่อน ยาคุมจึงจะเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
กินยาคุมฉุกเฉินเสร็จแล้วต้องกินยาคุมรายเดือนต่อมั้ยค่ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมรายเดือนต่อในทันทีครับ เนื่องจากยาคุมแบบรายเดือนจะไม่มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีที่ได้มีความผิดพลาดจากการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว และก่อนรับประทานยาคุมแบบรายเดือนก็ควรมั่นใจก่อนว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ
ในกรณีที่ได้มีความผิดพลาดจากการใช้ถุงยางอนามัยไปแล้วหมอก็แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินตามวิธีที่หมอแนะนำไปก่อน
และถ้าหากมีประจำเดือนมาแล้วและยังต้องการรับประทานยาคุมแบบรายเดือนอยู่ก็สามารถเริ่มรับประทานได้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมรายเดือนไม่มีผลคุมกำเนิดฉุกเฉินค่ะ การใช้ร่วมกับยาคุมฉุกเฉินไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่จะทำให้ประจำเดือนเลื่อนช้าออกไปมากขึ้น อีกทั้ง หากใช้ยาคุมรายเดือนแผงแรกไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็ไม่มีผลคุมกำเนิดได้ทันทีหลังรับประทาน การใช้ในกรณีนี้จึงไม่มีประโยชน์และไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ
หากไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินจะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วัน (ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่สำคัญค่ะ)
เมื่อมีประจำเดือนมาแล้วก็หมายถึงไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ หากผู้ถามต้องการจะคุมกำเนิดต่อ ก็ให้เริ่มใช้ยาคุมรายเดือนแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ
แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ถ้าเรามีเพศสัมพันธ์แต่ใส่ถุงยางอนามัย(ถ้าถุงไม่รั่ว)ต้องกินยาคุมมั้ยค่ะ ละถ้าถุงรั่วต้องกินยาคุมอะไรก่อนค่ะ กินยังไง?? ขออธิบายแบบละเอียดๆ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)