July 09, 2019 21:47
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ จากประวัติอย่างเดียวแต่ไม่ได้เห็นภาพ หมอคิดถึงสิวบริเวณลำตัว สำหรับการรักษาสิวบริเวณลำตัวขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของสิว สำหรับสิวที่เป็นไม่มากควรรักษาโดยการใช้ยาทาภายนอกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดสิว อันได้แก่ การรักษาความสะอาด โดยอาบน้ำวันละสองครั้ง เช็ดตัวให้แห้ง ไม่ให้เกิดความชื้น สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ไม่อับชื้น ไม่นอนดึกหรือควรหลีกเลี่ยงความเครียด ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ ดื่มน้ำสะอาดและควรดื่มให้เพียงพอในแต่ละวัน ออกกำลังเป็นประจำ สำหรับยาภายนอก ให้ทา Benzoyl Peroxide ขนาด 2.5% ทิ้งไว้ 20 นาที ก่อนอาบน้ำ ในบริเวณที่เป็นสิว เช้า-เย็น ช่วงแรกของการใช้อาจรู้สึกแสบ ถ้าแสบให้ทิ้งไว้เพียง 10 นาทีก็พอ หลังจากนั้นเมื่อใช้ไปได้ระยะเวลาหนึ่ง ให้เพิ่มขนาดของยาเป็น 5% แล้วก็ทาเหมือนเดิม คือทิ้งไว้ 20 นาทีก่อนอาบน้ำ ยานี้จะมีฤทธิ์ละลายหัวสิวที่อุดตันและฆ่าเชื้อ อาจใช้เวลานาน ขึ้นอยู่กับสภาพของผิวในแต่ละคนด้วย หลังอาบน้ำให้ใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Clindamycin ซึ่งจะมีในรูปแบบน้ำและเจล ขึ้นอยู่กับว่าสะดวกแบบไหน ยาตัวนี้จะออกฤทธิ์ได้ดีกับสิวอักเสบ หรือถ้าทาบริเวณที่เป็นสิวอุดตันจะเป็นการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ ซึ่งจะนำมาสู่การเกิดสิวอักเสบในภายหลังได้ สำหรับสิวอักเสบให้ใช้ยาแต้มสิว หรือ Salicylic acid 2% แต้มบริเวณสิวอักเสบ โดยเฉพาะที่มีหัวหนอง มันจะช่วยให้ยุบเร็วขึ้น จากที่กล่าวไปทั้งหมดแล้วหลังใช้ยาทั้งสามตัวเป็นเวลาระยะหนึ่ง สิวบางเม็ดมีลักษณะแข็งเกินกว่าที่จะใช้ยาช่วยละลายให้ผุดออกมาตามธรรมชาติ อาจใช้วิธีการกดร่วม แต่ควรเป็นสิวหัวเปิดที่ไม่อักเสบเท่านั้น การกดสิวถ้าไม่ชำนาญ ควรให้ทางคลินิกโรคผิวหนังหรือคนที่ชำนาญกดออก มิเช่นนั้นอาจจะติดเชื้อ แล้วกลายเป็นสิวอักเสบได้ สำหรับสิวที่เป็นลักษณะผดผื่น คือยุบๆหายๆ มีลักษณะคัน อาจจะเป็นสิวที่เกิดจากยีสต์ ควรพิจารณาใช้ Ketoconazole cream ทา หรือยาในกลุ่มที่ฆ่าเชื้อรา ซึ่งมีอยู่หลายตัว สามารถใช้ได้เหมือนกัน สำหรับในรายที่เป็นสิวมาก หรือรักษาโดยวิธีดังกล่าวแล้วไม่หาย อาจพิจารณาเป็นยากิน คือ Acnotin ซึ่งเป็นยาที่ทำให้ต่อมไขมันฝ่อแบบถาวร ซึ่งจะช่วยยับยั้งต้นเหตุของการเกิดสิวอุดตันโดยตรง ทั้งนี้ต้องกินเป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 4 เดือน แต่ยานี้ไม่ควรซื้อมากินเอง เพราะค่อนข้างอันตราย มีผลข้างเคียงเยอะ ที่เด่นชัดเลยคือ ผิวแห้ง ปากแห้ง และถ้ากินเกินขนาดหรือเป็นเวลานานมากๆจะมีผลต่อตับได้ ยานี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกิน หรือเรียกว่า ยานี้เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับการรักษาโดยวิธีอื่นๆไม่ได้ผล
นอกจากสาเหตุจากสิงแล้วหมออาจคิดถึงจากรูขุมขนอักเสบค่ะ (Folliculitis) ซึ่งเกิดได้จากการระคายเคืองที่รูขุมขน เช่น จากการแว๊ก โกน ถอนขอ จากการเสียดสีกับเสื้อผ้า แช่อาบน้ำร้อน หรืออาจเกิดจากการติดเชื้อ ทั้งจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้อไวรัส ลักษณะของตุ่มมักเป็นตุ่มแดงกระจายหลายตุ่ม อาจมีหนองตามรูขุมขน อาจมีอาการคันหรือระคายเคืองร่วมด้วย โรคนี้ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงอะไร ส่วนมากมักจะหายไปได้เองโดยไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์
สำหรับการรักษาดูแลเมื่อเป็นโรครูขุมขนอักเสบได้แก่ดังต่อไปนี้
-หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดรูขุมขนอักเสบ เช่น แว๊ก โกน ถอนขน แช่น้ำร้อน ใส่เสื้อผ้ารัดๆ เป็นต้น
-ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นด้วยสบู่ฆ่าเชื้อ วันละสองครั้ง เช้า-เย็น
-ทายาฆ่าเชื้อบริเวณที่เป็น ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ Bacitracin, Mupirocin ทาวันละสองครั้ง เช้า-เย็นหลังอาบน้ำ
-ถ้าเป็นรุนแรงอาจจำเป็นต้องทานยาปฏิชีวนะร่วมด้วย เช่นยา Dicloxacillin รับประทาน 7-10วัน โดยทานภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชค่ะ
กรณีปฏิบัติดังกล่าวไม่หายแนะนำให้ไปพบแพทย์ด้านผิวหนังค่ะ เพราะอาจเป็นจากสาเหตุอื่นๆที่รุนแรงนอกจากสิวและขูขุมขนอักเสบค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
มันเป็นตุ่มเล็กคล้ายๆหนอง บางจุดนี่คล้ายสิวบีบออกมามีหนอง มีตุ่มแดงๆด้วย ส่วนใหญ่จะมีตรงหน้าอกและแผ่นหลัง ไม่มีอาการไข้ อยากรุ้ว่าเป็นอะไรครับและรักษายังไง ขอบคุณครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)