กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

วิธีดื่มกาแฟที่ถูกต้อง ป้องกันการเกิดโทษ

รวบรวม 10 วิธีดื่มกาแฟอย่างมีคุณภาพ ให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งข้อควรปฏิบัติและข้อควรระวัง
เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 2023 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
วิธีดื่มกาแฟที่ถูกต้อง ป้องกันการเกิดโทษ

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • กาแฟถือเป็นเครื่องดื่มที่มีปริมาณคาเฟอีนมากที่สุด ส่งผลให้รู้สึกตื่นตัวเมื่อดื่ม แต่ด้วยปริมาณคาเฟอีนที่มีมากกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น ทำให้มีทั้งข้อควรปฏิบัติและข้อควรระวัง
  • ปริมาณที่แนะนำต่อวันคือ คาเฟอีน 2.5 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (2.5 คูณน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม) ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วกาแฟ 1 แก้วจะมีปริมาณคาเฟอีน 95 มิลลิกรัม 
  • กาแฟอาจมีส่วนช่วยในการออกกำลังกาย เนื่องจากมีฤทธิ์ทำให้ตื่นตัว มีงานวิจัยเผยให้เห็นว่าผู้ที่ดื่มกาแฟมีความสัมพันธ์กับความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อที่น้อยลง
  • ไม่ควรดื่มกาแฟหลังเที่ยง เพราะอาจส่งผลต่อคุณภาพในการนอน คาเฟอีนสามารถตกค้างในร่างกายได้แม้จะหมดช่วงที่ทำให้ตื่นตัวไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้ผู้ที่เป็นโรควิตกกังวลมีการมากขึ้นอีกด้วย
  • ดูแพ็กเกจปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตได้ที่นี่

กาแฟเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดปรานของใครหลายๆคน การกินกาแฟที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะดื่มเพื่อความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าจากการทำงาน การเรียน หรือจากการง่วงหงาวหาวนอนในระหว่างวัน จะช่วยลดโทษจากสารเคมีในกาแฟได้ ดังนั้นเพื่อสุขภาพ ก็ต้องแน่ใจก่อนว่าได้กินกาแฟที่ถูกต้องแบบนี้

1. ดื่มกาแฟให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว

หากร่างกายได้รับคาเฟอีนมากเกินไป อาจส่งผลแตกต่างกันไปในแต่ละคน บางคนอาจใจสั่น นอนไม่หลับ หรืออาจส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้ ดังนั้นการกินกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวันจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการดื่มกาแฟคือ คาเฟอีน 2.5 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เช่น หากมีน้ำหนักตัว 80 กิโลกรัม ปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัม (2.5X80=200)

โดยค่าเฉลี่ยของคาเฟอีนในกาแฟหนึ่งแก้วจะอยู่ที่ประมาณ 95 มิลลิกรัม ดังนั้นจึงไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 แก้ว (190 มิลลิกรัม)

2. เลี่ยงกินกาแฟหลังเที่ยง

กาแฟเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากที่สุด ซึ่งฤทธิ์ของคาเฟอีนจะช่วยให้รู้สึกตื่นตัวเมื่อรู้สึกเหนื่อย แต่หากกินกาแฟช่วงหลังเที่ยงเป็นต้นไป อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพในการนอนได้

แต่อย่างไรก็ตาม ความไวต่อคาเฟอีนของแต่ละคนนั้นอาจไม่เท่ากัน บางคนอาจดื่มได้หลังเที่ยงก็จริง แต่ไม่ควรเกินบ่าย 2 

สำหรับคนที่ชอบกินกาแฟช่วงบ่ายจริงๆ อาจเลือกกาแฟสกัดคาเฟอีน (Decaf coffee) เพื่อให้ไม่กระทบกับคุณภาพในการนอนช่วงกลางคืน

3. กาแฟอาจมีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย

มีงานวิจัยเผยว่าคาเฟอีนมีส่วนในการชะลอความเมื่อยล้าลง รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้กล้ามเนื้อ ซึ่งหากต้องการให้กาแฟช่วยพัฒนาการออกกำลังกาย ควรกินกาแฟก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 30-60 นาที

แต่อย่างไรก็ตาม กาแฟมีส่วนทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ดังนั้นผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน ส่วนคนทั่วไปก็ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป เพราะอาจเป็นอันตรายได้เช่นกัน

4. ไม่ควรดื่มกาแฟเร็วเกินไป

 คาเฟอีนในกาแฟมีส่วนกระตุ้นฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มักจะหลั่งออกมาเวลาที่เครียด เพราะฮอร์โมนตัวนี้สัมพันธ์กับความดันโลหิตและระบบภูมิคุ้มกัน 

ดังนั้นหากดื่มกาแฟเร็วเกินไปอาจทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลไม่สมดุล ส่งผลกระทบต่อทั้งการนอนหลับและความเครียดที่มากขึ้นอีกด้วย

5. ไม่ควรใส่น้ำตาลในกาแฟ

กาแฟสามารถช่วยรู้สึกตื่นตัวได้ด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องอาศัยน้ำตาลช่วย เพราะหากติดนิสัยใส่น้ำตาลในกาแฟเป็นประจำ จะทำให้ได้รับฟรุกโตส (Fructose) มากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่โรคอ้วนหรือเบาหวานได้

สำหรับคนที่ชอบกาแฟที่มีรสหวานจริงๆ อาจใช้ทางอื่นที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น หญ้าหวาน น้ำผึ้ง เป็นต้น

6. กินอาหารที่มีแคลเซียมให้มากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น นม โยเกิร์ต คะน้า บรอกโคลี หรือ ปลาเล็กปลาน้อย เพื่อทดแทน แคลเซียมที่ต้องสูญเสียไปกับปัสสาวะ อีกทั้งยังลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน โดยอาจปรับเปลี่ยนวิธีการชง กาแฟ ให้ใส่นมแทนครีมเทียม เป็นต้น

7. ควรเลือกดื่มกาแฟออร์แกนิก

การเลือกตราสินค้าของกาแฟที่น่าเชื่อถือก็เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากกระบวนการผลิตกาแฟเองก็มีผลต่อประโยชน์และโทษที่รับเข้าไปเช่นกัน ควรเลือกชื่อการค้าที่ปลูกกาแฟแบบออร์แกนิค ปราศจากสารพิษ ยาฆ่าแมลง 

แม้จะยังมีหลักฐานไม่มากว่ามีผู้ได้รับสารพิษตกค้างจากการดื่มกาแฟมากน้อยเพียงใด แต่การกินกาแฟที่ปราศจากสารพิษตั้งแต่แรกก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

8. รับประทานผลไม้สม่ำเสมอ

 เพราะในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟ จะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้น ดังนั้นวิตามินซี อี และบีตาแคโรทีนในผักผลไม้ เช่น กล้วย แตงโม ส้ม ฝรั่งมะเขือเทศ แครอต ผักใบเขียว พวกนี้จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายได้

9. หลีกเลี่ยงการใส่ครีมเทียม

ครีมเทียมที่เห็นตามท้องตลาดนั้นสามารถช่วยทดแทนความมันของนมให้กับกาแฟได้ แต่โดยปกติแล้วทางเลือกที่ีดีกว่าในการดื่มเครื่องดื่มหรือกินอาหารก็ตาม คือทางเลือกที่มาจากธรรมชาติ

ดังนั้นหากมีโอกาสเลือกร้านกาแฟที่ใช้นมจริงๆ แทนครีมเทียมได้ อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากมีแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง 

หากเป็นคนแพ้นม หรือไม่ชอบกินนม อาจเลือกใส่ผงปรุงรสอื่นๆ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น โกโก้ ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ

10. กาแฟอาจไม่เหมาะสำหรับผู้อยู่ในภาวะวิตกกังวล

คาเฟอีนในกาแฟจะออกฤทธิ์ได้นานประมาณ 3-5 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตาม หลังจาก 5 ชั่วโมงไปแล้วก็ยังคงมีปริมาณคาเฟอีนอีกครึ่งที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย

ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) และอาจมีผลต่อความเครียดของคุณได้ ดังนั้นหากคุณกำลังอยู่ในภาวะวิตกกังวล หรือเป็นโรควิตกกังวล ควรใช้การดื่มชาเขียวแทน

ดูแพ็กเกจปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต เปรียบเทียบราคา โปรโมชันล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


6 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Healthline, When Is the Best Time to Drink Coffee?, (https://www.healthline.com/nutrition/best-time-to-drink-coffee), 15 May 2020.
Is Coffee Safe for Toddlers to Drink?. Verywell Family. (https://www.verywellfamily.com/is-coffee-safe-for-toddlers-4151748)
Coffee while breastfeeding: Safety and risks. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/322805)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
10 อาหารสุขภาพที่มีวิตามิน E สูง
10 อาหารสุขภาพที่มีวิตามิน E สูง

รวบรวมอาหารเพื่อสุขภาพที่อุดมด้วยวิตามิน E เพื่อจะได้เติมประโยชน์ได้ร่างกายกันได้ง่ายขึ้น

อ่านเพิ่ม
ทำความรู้จักกับคาเฟอีน (Caffeine)
ทำความรู้จักกับคาเฟอีน (Caffeine)

แม้ว่าการดื่มคาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นสมองให้ตื่นตัว ร่างกายกระปรี้กระเปร่า แต่หากดื่มมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้

อ่านเพิ่ม