August 26, 2018 01:12
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
โดยปกติแล้วโรคภูมิแพ้นั้นเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้เกิดอาการได้ครับ
เมื่อมีอาการของโรคภูมิแพ้เกิดขึ้น เช่น มีน้ำมูกไหล มีผื่นภูมิแพ้ ก็สามารถรับประทานยาแก้แพ้ เช่น Chlorpheniramine, Cetirizine, Loratadine เพื่อบรรเทาอาการได้ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้อาการของโรคภูมิแพ้รุนแรงมากขึ้น เช่น ควันบุหรี่ สัตว์เลี้ยงในบ้าน ฝุ่นละออง
ถ้าหากรับประทานยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาให้การรักษาอื่นๆเพิ่มเติมครับ เช่น การใช้ยาพ่นจมูก ในกรณีที่เป็นภูมิแพ้จมูกอักเสบ
นอกจากนี้ถ้าหากไม่ทราบว่าสารก่อภูมิแพ้ของตนเองคืออะไรก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ด้วยวิธีการสกิดสารภูมิแพ้เข้าที่ผิวหนัง(skin prick test)ได้ครับ เมื่อทราบสารก่อภูมิแพ้แล้วก็จะได้สามารถหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ได้
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
ปัจจุบันภูมิแพ้จมูก บางชนิด สามารถรักษาให้หายขาดได้แล้วค่ะ โดยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ ใช้เวลารักษา 3-5 ปีค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ขออนุญาตเสริมนะครับ
การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (Allergen immunotherapy) นั้น เป็นวิธีการรักษาโดยการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในตัวผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้เป็นระยะโดยค่อยๆมีการเพิ่มปริมาณสารก่อภูมิแพ้เข้าไปทีละน้อยในแต่ละครั้งที่ฉีด เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายค่อยๆปรับตัวกับสารก่อภูมิแพ้นั้น และไม่เกิดปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้นั้นในที่สุด
ถึงแม้การฉีดวัคซีนภูมิแพ้จะให้ผลในการรักษาที่ดี แต่ก็ยังไม่ใช่วิธีการรักษามาตรฐานที่ทำในผู้ป่วยโรคทุกราย เนื่องจากเป็นวิธีที่ต้องใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน ต้องมีการนัดมาฉีดยาบ่อยๆทำให้มีความไม่สะดวกเกิดขึ้น อาจมีผลข้างเคียงจากปฏิกิริยาการแพ้ในระหว่างที่ฉีดวัคซีนภูมิแพ้ได้ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด สารก่อภูมิแพ้บางชนิดยังไม่สามารถรักษาด้วยวิธีนี้ได้ และการรักษาอาจไม่ได้ผลในผู้ป่วยทุกรายต้องมีการเลือกใช้วิธีการนี้ในการรักษาเป็นคนๆไป โดยผู้ที่เหมาะสมกับการรักษาด้วยวิธีการนี้จะต้อง
- มีสารก่อภูมิแพ้ชัดเจน ซึ่งต้องมีการตรวจด้วยวิธี เช่น skin prick testก่อน
- สารก่อภูมิแพ้ชนิดนั้นต้องเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
- อาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นรุนแรง เป็นบ่อย และไม่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยยา
ผลการรักษาด้วยวิธีนี้นั้นพบว่าโดยส่วนใหญ่จะให้ผลการรักษาที่ดีและคงอยู่ไปได้นานกว่า 5 ปีหลังการรักษา แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะหายขาดจากโรคภูมิแพ้ ยังคงมีผู้ป่วยบางส่วนที่จะยังมีอาการของโรคภูมิแพ้อยู่ แต่อาการจะอยู่ในระดับที่รุนแรงน้อยลง มีความจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษาน้อยลง นอกจากนี้ในผู้ป่วยหลายๆคนก็มีสารก่อภูมิแพ้มากกว่า 1 ชนิด ทำให้การรักษาด้วยวิธีนี้ไม่สามารถครอบคลุมสารก่อภูมิแพ้ได้ทั้งหมดครับ
โดยสรุปคือ โดยทั่วไปแล้วจะแนะนำให้ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ทุกคนเริ่มการรักษาด้วยยาและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ด้วยตนเองเป็นหลักตามที่อธิบายไปในคำตอบแรกก่อนครับ เพราะผู้ป่วยโดยส่วนใหญ่จะตอบสนองดีกับการรักษาวิธีนี้อยู่แล้ว
เฉพาะคนที่มีอาการรุนแรงและไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาจริงๆเท่านั้นที่การรักษาด้วยการฉีดวัคซีนภูมิแพ้จะเข้ามามีบทบาท เนื่องจากขั้นตอนในการรักษาค่อนข้างยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และทำได้เฉพาะในบางโรงพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เท่านั้น การใช้วิธีนี้ในการรักษาตั้งแต่แรกจึงอาจมีผลเสียมากกว่าผลดีที่จะได้รับครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คุณหมอครับ ถ้าพี่สาวผมเป็นโรคภูมิแพ้ มียารักษารึเปล่าครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)