November 12, 2019 11:45
ตอบโดย
นันทิดา
สาลักษณ (แพทย์ผิวหนัง)
(พญ.)
Dermatologist
จากรูปค่อนข้างมีความเบลอ แต่โดยรวมอาจเกิดจากผลข้างเคียงของยาสเตียรอยได้ ซึ่งพวกนี้เกิดได้จากทั้งความแรงของยาที่ใช้ และระยะเวลาที่นาน ผลข้างเคียงที่อาจเกิดเช่น ผิวฝ่อบาง ผิวกระดำกระด่าง ผิวมีเส้นเลือดฝอยขึ้น ผิวมีรอยแตกลาย เป็นต้น ในส่วนของการรักษามักเพียงแค่หยุดยา และผิวจะค่อยๆคืนสภาพได้ อาจใช้เวลานานหน่อยเนื่องจากเป็นที่ขา อาจทำครีมบำรุงผิวไป แต่สำหรับผลข้างเครยงที่อาจไม่หายขาดคือการเกิดลักษณะของรอยแตกลาย ซึ่งตรงนี้เองก็ยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลดีนักค่ะ
แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผิวหนังที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจผื่นจริงอีกครั้ง และหากมีผื่นใดๆเกิดในครั้งหน้าแนะนำพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจะดีที่สุด ดีกว่าซื้อยาตามร้านทาเองและไม่ได้ติดตามใดๆค่ะ โดยส่วนใหญ่หมอเป็นคนไข้ซื้อยาทาเองและจะทายาที่ค่อนข้างแรงมาก เช่น clobetasol cream
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ผิวหนังมีอาการคันแล้วเป็นขุ่ยขาวๆขนาดเท่าหัวแม่โป้งมือ เป็นมาระยะเวลานานพอสมควร ก็เลนไปซื้อยามาทาเองเพราะคิดว่าเป็นพวกกลาดเกลื่อน ซื้อซีม่าโลชั่นมาทา ทาได้2-3วันแผลใหญ่ขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เลยหยุดใช้แล้วหลังจากนั้นมา ผิวหนังบริเวณนั้นก็แห้งและคันมาตลอด เป็นเวลานานเป็นปีแล้วค่ะ แล้วล่าสุดทนความคันไม่ไหวเลยไปซื้อยาที่ร้านยามาทาแต่รอบนี้มีเภสัชเป็นคนจ่ายยาให้ คือจ่ายโลชั่นวิตามินอีมาบำรุงผิว กับยาทาแก้คันมาอีก1หลอด ใช้มา1เดือนแล้วแต่ไม่ดีขึ้น เลยกลับไปหาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไปเจอเภสัชอีกคน ก็เลยเล่าอาการให้ดูแผล เขาบอกว่าอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้คือ ผลข้างเคียงจากการใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน ซึ่งหนูก็งงว่าเป็นไปได้ยังไง เพราะรอบนั้นเภสัชคนก่อนก็ไม่ได้แนะนำวิธีการใช้ยาแบบละเอียดเลยทำให้แผลหนูเป็นแบบนี้ เลยอยากทราบว่าจะมีวิธีรักษายังไง เพราะกังวลมากค่ะตอนนี้ ว่าจะเป็นอะไรร้ายแรงรึป่าว เพราะเป็นมานานมากแล้วค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)