นพ. ปัญญาวุฒิ ลิ้มสุขวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางด้านสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา
เขียนโดย
นพ. ปัญญาวุฒิ ลิ้มสุขวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางด้านสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา

แค่ไหนกันแน่ที่แปลว่าประจำเดือนมาช้า?

"รอบเดือนกี่วันถึงเรียกว่าประจำเดือนมาช้า? ประจำเดือนมาช้าส่งผลอะไร บ่งขี้ถึงโรคหรืออาการใดได้บ้าง? "
เผยแพร่ครั้งแรก 16 ธ.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
แค่ไหนกันแน่ที่แปลว่าประจำเดือนมาช้า?

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ช่วงที่มีการตกไข่เยื่อบุโพรงมดลูกจะหนาตัวขึ้นเพื่อรอการฝังตัวของตัวอ่อน แต่หากไม่ได้รับการปฎิสนธิ เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาขึ้นนั้นก็จะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน หากรอบประจำเดือนน้อยกว่า 24 วันถือว่าถี่ แต่ถ้าห่างมากกว่า 38 วันถือว่าห่าง
  • ประจำเดือนมาช้า อาจเกิดจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น ความเครียด น้ำหนักตัวไม่สมดุล การหยุดใช้ยาคุมบางชนิด โรคทางฮอร์โมนต่อมใต้สมองบางอย่าง อายุ
  • หากหลังจากประจำเดือนมาช้าแล้วกลับมาเลือดออกปริมาณมากๆ มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ อาเจียน ปวดท้องมาก มีเลือดออกผิดปกติแม้เข้าสู่วัยทองแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางรักษาต่อไป
  • แนวทางการจัดการปัญหาประจำเดือนมาช้า คือเฝ้าระวังพบอาการแต่เนิ่นๆ ฉะนั้นผู้หญิงทุกคนควรจดบันทึกประจำเดือนด้วยตนเองว่าเข้าเกณฑ์ที่ประจำเดือนมาช้าหรือยัง หมั่นตรวจสุขภาพ ตรวจภายในประจำปีเป็นระยะ
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจมะเร็งสำหรับผู้หญิง

ก่อนจะทราบคำตอบว่าประจำเดือนมาช้าเกิดจากอะไร แค่ไหนถึงเรียกว่าประจำเดือนมาช้า ควรเข้าใจเรื่องกระบวนการเกิดรอบเดือนหรือประจำเดือนเสียก่อน

รอบประจำเดือนปกติของผู้หญิงนั้น เกิดจากการทำงานของต่อมใต้สมองบริเวณศีรษะ รังไข่ และมดลูกในอุ้งเชิงกราน ทำงานประสานงานกันอย่างสลับซับซ้อน ในแต่ละรอบของประจำเดือนจะมีการตกของไข่ที่รังไข่ และมีการสร้างฮอร์โมนอย่างเพียงพอที่จะช่วยพัฒนาเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัว พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฏิสนธิของไข่ที่ตกจากฝ่ายหญิง กับอสุจิจากฝ่ายชาย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

แต่ถ้ารอบเดือนใดไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวนั้นก็จะหลุดลอดออกมาเป็นประจำเดือน และเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการผลิตไข่อันสมบูรณ์ของรอบเดือนต่อๆ ไป

ตามคำจำกัดความของสหพันธ์สูตินรีเวชแพทย์ระหว่างชาติให้คำจัดความเกี่ยวกับประจำเดือนของผู้หญิง ดังนี้

  • ความถี่ของรอบประจำเดือน
    • ถี่ น้อยกว่า 24 วัน
    • ปกติ 24-38 วัน
    • ห่าง มากกว่า 38 วัน
  • ระยะเวลาของรอบประจำเดือน
    • นาน มากกว่า 8 วัน
    • ปกติ 4-8 วัน
    • สั้น น้อยกว่า 4 วัน

ในที่นี้จะกล่าวถึงภาวะผิดปกติของรอบประจำเดือนที่ห่างเกิน 38 วัน หรือประจำเดือนมาช้าเกินกำหนด

โดยการที่ประจำเดือนมาช้านั้น เราต้องทำการแยกจากภาวะประจำเดือนขาดจากการตั้งครรภ์เสียก่อน ซึ่งเอาจจะสำรวจเบื้องต้นจากการคุมกำเนิดของตัวเองว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด มีอาการที่เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ เช่น อาการแพ้ท้อง

หรืออาจจะทำการตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์ด้วยตนเองก่อนที่บ้าน หรือถ้าไม่แน่ใจ สามารถเข้ารับการตรวจโดยการเจาะเลือดดูการตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน

สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาช้า

หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีการตั้งครรภ์ สาเหตุอื่นๆ ที่สามารถทำให้ประจำเดือนมาช้าได้มีดังต่อไปนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

  • ความเครียด ความเครียดอาจมีผลกระทบต่อการหลั่งของฮอร์โมนบางตัว ที่ทำให้การตกของไข่ผิดปกติ และมีผลกระทบทางอ้อมทำให้ผนังมดลูกผิดปกติ ตามมาด้วยภาวะประจำเดือนมาช้า
  • น้ำหนักตัว ไม่ว่าจะน้อยไปหรือมากเกินไปก็มีผลกระทบกับประจำเดือนได้ รวมถึงผู้หญิงที่ออกกำลังกายหนักเกินไป เช่น วิ่งมาราธอน หรือผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวน้อยจากโรคเกี่ยวกับความผิดปกติในการกิน เช่น อะนอเร็กเซีย (Anorexia)

โดยมีการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่า 10 เปอร์เซนต์ไทล์ (Percentile) ทำให้ร่างกายเกิดภาวะการหยุดตกของไข่ และตามมาด้วยภาวะประจำเดือนมาช้า

  • โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) เป็นสาเหตุให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน (Androgen) มากเกินไป ส่งผลทำให้สมดุลของฮอร์โมนที่มีผลต่อการผลิตและหลุดลอกของผนังมดลูกที่จะหลุดออกมาเป็นประจำทุกเดือนผิดปกติ ประจำเดือนจึงมาช้าได้เช่นกัน
  • การหยุดใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) หรือโพรเจสติน (Progestin) ในผู้หญิงบางรายอาจเป็นสาเหตทำให้ไข่ไม่ตก และต้องใช้เวลานานถึงกว่า 6 เดือน ประจำเดือนถึงกลับสู่ภาวะปกติ
  • โรคเรื้อรังบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน ก็มีผลกับรอบประจำเดือน เพราะการเปลี่ยนแปลงของน้ำตาลในเลือดมีผลกระทบกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน นอกจากนี้การคุมเบาหวานไม่ดีก็เป็นสาเหตุทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ
  • โรคทางฮอร์โมนต่อมใต้สมองบางอย่าง เช่น โรคไทรอยด์ เป็นสาเหตุทำให้ประจำเดือนมาช้า หรือไม่มีประจำเดือน เนื่องจากโรคไทรอยด์มีผลกับระบบการเผาผลาญของร่างกาย ดังนั้นจึงกระทบกับฮอร์โมนด้วยเช่นกัน
  • อายุ ในระยะก่อนเข้าสู่วัยทองจริงในผู้หญิง โดยอายุเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 45-55 ปี จะเป็นช่วงที่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกายไม่คงที่ ซึ่งก็จะมีผลกระทบต่อประจำเดือนที่อาจจะมาช้าผิดปกติได้

ประจำเดือนมาช้า อันตรายหรือไม่?

ประจำเดือนมาช้านั้นอันตรายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดภาวะดังกล่าวว่าเกิดจากอะไร

อาการที่ควรจะไปพบแพทย์โดยทันที ได้แก่ หลังจากประจำเดือนมาช้าแล้วกลับมาเลือดออกปริมาณมากๆ มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ อาเจียน ปวดท้องมาก มีเลือดออกผิดปกติแม้เข้าสู่วัยทองแล้ว หรือไม่สบายใจ ก็ควรเข้าปรึกษาและพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษาต่อไป

แนวทางในการจัดการกับปัญหาประจำเดือนมาช้านั้นที่สำคัญคือเราเฝ้าระวังพบอาการแต่เนิ่นๆ ฉะนั้นผู้หญิงทุกคนควรจดบันทึกประจำเดือนด้วยตนเองว่าเข้าเกรณที่ประจำเดือนมาช้าแล้วหรือยัง ประกอบกับมั่นตรวจเช็คสุขภาพ ตรวจภายในประจำปีเป็นระยะ และถ้าสังเกตพบภาวะผิดปกติดังกล่าวข้างต้นก็ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรีบทำการตรวจหาสาเหตุเพื่อทำการรักษา

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจมะเร็งสำหรับผู้หญิง จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Debra Rose Wilson, PhD, Why Is My Period Late: 8 Possible Reasons (https://www.healthline.com/health/womens-health/why-is-my-period-late#thyroid-issues), 26 April 2017
รศ. ดร. นพ. กิติรัตน์ เตชะไตรศักดิ์, ตำรานรีเวชวิทยา, ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล, 2560
ศ. นพ. ธีระ ทองสง, ตำรานรีเวชวิทยา, ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2555

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป