July 08, 2019 17:39
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
อาการเครียด วิตกกังวลที่มากเกินระดับปกติ จะส่งให้เกิดอาการผิดปกติแสดงออกทางกาย เช่น ใจสั่น เหงื่อออก หายใจไม่อิ่ม หน้ามืด เป็นลม ได้ค่ะ ซึ่งหากมีอาการมากจนควบคุมไม่ได้ และมีอาการต่อเนื่องนานเกิน 6 เดือน จนเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแบบนี้ แบบนี้อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นอาการของโรคในกลุ่มวิตกกังวลก็เป็นไปได้ค่ะ
ในกรณีนี้แนะนำพบจิตแพทย์ ประเมินอาการอื่นๆเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัดแล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งการรักษาอาจจำเป็นต้องใช้ยาควบคู่กับการทำจิตบำบัด หรือฝึกการผ่อนคลายความเครียดที่เหมาะสม เช่น การออกกำลังกาย การฝึกคิดบวก การทำสมาธิหรือฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออกก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้นะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
เท่าที่เห็นภาพ อาจจะเป็นในเรื่องของภาวะเครียด ภาวะกดดันที่เข้ามาส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้นนะครับ เพราะอาการคิดอะไรไม่ออก มือสั่น มวนท้อง ตรงนี้เป็นอาการของความวิตกกังวลซึ่งในคนอื่นๆ ก็สามารถเกิดอาการแบบนี้ได้ครับถ้าหากว่าเขารู้สึกกดดันหรือจะต้องทำอะไรซักอย่างที่ไม่ทำให้กลัวหรือตื่นเต้น ซึ่งตรงนี้ขอถามเพิ่มเติมนะครับว่าแล้วการทำสอบ หรือการเรียนโดยรวมเป็นอย่างไรบ้าง เป็นที่พอใจของตัวเองหรือไม่ เพราะหากว่าอาการที่เล่ามาเข้ามาขัดขวางในเรื่องของการเรียนทำให้ไม่สามารถได้ผลลัพธ์ออกมาได้ตามที่คาดหวัง อาจจะต้องมาพูดคุยกันเพิ่มเติมครับว่าควรทำอย่างไรบ้างจึงจะสามารถลดอาการตรงนี้ลงได้บ้าง
ซึ่งผู้ที่สามารถเข้าไปพบได้ก็อาจจะเป็นอาจารย์แนะแนวที่ไว้ใจ นักจิตวิทยา และจริงๆแล้วครอบครัวเองก็ควรจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถคุยกันได้เช่นกัน แต่ในกรณีนี้หากครอบครัวไม่พร้อมที่จะเข้าใจ การลองหาตัวช่วยอื่นๆก็อาจจะจำเป็นครับ แต่ก็อยากให้ลองพูดคุยกับพวกเขาดูก่อนนะครับ
นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญแล้ว คุณสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาที่ตนเองจะรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือรู้สึกสนุกผ่อนคลายให้ และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความกดดันหรือความวิตกกังวลนี้ลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งการดูแลตนเองควบคู่กันไปด้วยกับการรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต จะเป็นการช่วยให้คุณสามารถรับมือกับเรื่องต่างๆที่เข้ามาในชีวิตได้ในระยะยาวอีกด้วยครับ
สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งในเรื่องของความเศร้าหรือความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คุณหมอคะ หลายปีผ่านมาผลการเรียนเราต่ำลงเรื่อยๆ ที่บ้านก็คอยกดดัน แต่ไม่มีการช่วยเหลือเราเลย นอกจากให้เงิน แล้วคือช่วงเวลาสอบ เราจะมีอาการลน มือสั่น หายใจไม่ทั่วท้อง สมองเรามันจะตื้ออ่ะค่ะ คิดอะไรไม่ออกเลย พอนึกจะปวดหัวมากๆ แล้วพอกว่าเราจะทำสมาธิได้ก็เสียเวลาไปประมาณ30-40นาทีแล้ว เราเลยทำข้อสอบไม่ทันเลยค่ะ แล้วอีกปัญหาคือ เราชอบนอนแล้วสะดุ้ง ตอนแรกเราคิดว่าปกติ แต่พอนานไปคือเราสะดุ้งตื่นถี่มากเลยค่ะ โดยเฉพาะตอนที่นั่งรถ ภาพในหัวที่เด้งมาทุกครั้งคือแสงวูบวาบ สว่างมากๆ มีวิธีแก้รึเปล่าคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)