อาการ 10 ประการของโรคตาแดงจากไวรัส

เผยแพร่ครั้งแรก 21 มี.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
อาการ 10 ประการของโรคตาแดงจากไวรัส

โรคตาแดงจากเชื้อไวรัสพบได้มากในประเทศอินเดีย ซึ่งมีไม่กี่คนที่ทราบถึงความรุนแรงที่แท้จริงของมัน

โรคตาแดงคืออะไร?

โรคตาแดง หรือก็คือการติดเชื้ออะดิโนไวรัสที่เยื่อบุตา (แต่ก็มีไวรัสอีกไม่กี่ตัวที่พบว่ามีผลทำให้ตาแดงเช่นกัน) โดยเยื่อบุตาคือเนื้อเยื่อชั้นบางใสที่อยู่บนพื้นผิวชั้นใน ซึ่งเป็นส่วนสีขาวของลูกตามนุษย์ อาการของโรคนี้จะคงอยู่ประมาณ 10 ถึง 12 วัน และไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพหากทำการวินิจฉัยอย่างรวดเร็วและถูกต้อง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจตา รักษาโรคตาวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 437 บาท ลดสูงสุด 61%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ตามปรกติแล้วการติดเชื้อชนิดนี้จากคนสู่คนเกิดขึ้นค่อนข้างง่าย อย่างการสัมผัสโดนฝอยละอองจากระบบหายใจ หรือการลงสระว่ายน้ำที่มีเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคดังกล่าว วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่นอย่างการจับมือ หรือใช้สิ่งของร่วมกัน เป็นต้น

ในบรรดาอะดิโนไวรัสที่มีมากมาย จะมีชนิด 8 และ 19 ที่ก่อให้เกิดโรคตาแดงขึ้นมา โดยการเปลี่ยนแปลงสภาพบรรยากาศคือปัจจัยหลักที่ทำให้ไวรัสแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

อาการของการติดเชื้อโรคตาแดงมีดังนี้

  • ตาแดง: ตาขาวจะแดงหรือมีสีออกชมพู และเป็นอาการแรกที่พบได้ทั่วไปที่สุด แม้จะไม่อันตราย แต่ภาวะนี้ก็อาจส่งผลเสียต่อดวงตาได้หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน
  • เปลือกตาบวม: การบวมออกของตาขาวหรือเปลือกตามักจะเกิดขึ้นที่ตาข้างใดข้างหนึ่งก่อนที่จะแพร่ไปสู่อีกข้าง
  • น้ำตาไหล: โรคตาแดงจะเร่งกระบวนการสร้างน้ำตามากขึ้น ซึ่งพบได้มากในกลุ่มโรคตาแดงจากอาการแพ้
  • ระคายเคือง: จะเกิดอาการระคายเคืองและคันตาขึ้นที่ดวงตาข้างที่แสดงอาการตาแดง
  • ตาปล่อยของเสีย: หากเป็นการติดเชื้อไวรัสจะทำให้ดวงตามีน้ำใส ๆ ไหลออกมา แต่หากเป็นตาแดงจากเชื้อแบคทีเรียจะทำให้มีขี้ตาหรือหนองสีเหลืองเขียวแทน
  • ลืมตาไม่ขึ้น: บางครั้งการติดเชื้อของดวงตาจะทำให้เปลือกตาติดกันจนลืมตาไม่ขึ้นเมื่อตื่นนอน ซึ่งเกิดมาจากการแห้งกรังของของเสียที่ปล่อยออกมาจากดวงตาในขณะที่หลับนั่นเอง
  • ดวงตามีความอ่อนไหวกว่าปรกติ: ผู้ที่เป็นโรคเยื่อบุตาอักเสบมักมีความอ่อนไหวต่อแสงมากกว่าคนอื่น แม้จะต้องกับแสงระดับอ่อนก็ตาม ซึ่งหากพบว่าคุณมีความอ่อนไหวต่อแสงในระดับรุนแรงกว่าปกติ มีอาการปวดตา หรือสายตาเปลี่ยนแปลง สามารถคาดการณ์ได้ว่าการติดเชื้ออาจเข้าไปลึกกว่าชั้นเยื่อบุตา จึงควรเข้าพบการตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้เร็วที่สุด
  • รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งเข้าดวงตา: บางครั้งเชื้ออาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเข้าหรือติดที่ดวงตา ซึ่งกระตุ้นให้รู้สึกอยากเกาตา
  • ปุ่มน้ำเหลืองโต: มีกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนักที่ผู้ป่วยจะรู้สึกถึงการโตขึ้นของปุ่มน้ำเหลืองที่อยู่ภายในหู (ทำหน้าที่เป็นตัวกรองทำลายและชะล้างไวรัสออกจากร่างกาย)
  • เป็นหวัดหรือไข้: บางกรณีก็พบว่ามีไข้หวัดและการติดเชื้อในระบบหายใจอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่นกัน

10 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Conjunctivitis | Pink Eye | Clinical Definition. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (https://www.cdc.gov/conjunctivitis/clinical.html)
Viral Conjunctivitis. National Center for Biotechnology Information. (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK470271/)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)